เมียนมาอ่วม
โควิดลามไม่หยุด
รุกประชิดชายแดน
สธ.ย้ำสกัดต่างด้าว
ไทยป่วยโควิดอีก 6 ราย มาจาก 4 ประเทศ มีทหารไทย จากซูดาน รวมด้วย สธ.ชี้สถานการณ์โลกยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น คงอยู่ระดับสูง นักวิชาการประเมินตัวเลขป่วยโควิดจริง ไทยอาจถึง 6 พันคนห่วงโควิดระบาดในเมียนมา กดดันไทย ขอความร่วมมือทุกฝ่าย สกัดลอบเข้าเมืองผิด กม.พร้อมให้ความร่วมมือสอบสวนโรค ย้ำระบาดรอบ2จะหนักหรือไม่ อยู่ที่ความเข้มข้นของมาตรการป้องกันรับมือ
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยรายวันว่ พบผู้ป่วยใหม่ 6 ราย จึงมียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,575 ราย มีผู้หายป่วยและกลับบ้านเพิ่ม 5 ราย ทำให้มียอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,384 ราย มียอดสะสมผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 59 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 132 ราย
ป่วยใหม่5จากซูดาน-อินเดีย-ญี่ปุ่น-UAE
สำหรับผู้ป่วยใหม่ 5 ราย แบ่งเป็น 1.ผู้กลับจากซูดานใต้ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 34 ปี เป็นทหารช่างเฉพาะกิจ ซึ่งไปปฏิบัติภารกิจทางทหาร เดินทางกลับถึงไทยด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเที่ยวบินเดียวกับที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 24 ราย และเข้าพักในสถานกักกันของรัฐที่จ.ชลบุรี จากการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 26 กันยายน ผลไม่ชัดเจน จึงเก็บตัวอย่างซ้ำวันที่ 30 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการถูกส่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าแล้ว
2.ผู้ที่มาจากอินเดีย 2 ราย ประกอบด้วย 1 ราย เป็นเพศชายสัญชาติอินเดีย อายุ 7 เดือน เดินทางมาพร้อมมารดาและพี่สาวที่ถูกตรวจพบเชื้อเช่นเดียวกัน โดยเดินทางถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 23 กันยายน เข้าพักในสถานกักกันแบบทางเลือกที่รัฐกำหนดในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเที่ยวบินเดียวกับที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 6 ราย จากการตรวจหาเชื้อครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 กันยายน ผลพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ เข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ อีก 1 ราย เป็นเพศชายสัญชาติอินเดีย อายุ 23 ปี อาชีพนักศึกษา เดินทางมาถึงไทยวันที่ 25 กันยายน เป็นเที่ยวบินเดียวกับที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 4 ราย เข้าพักสถานกักกันผู้เดินทางที่ดำเนินการโดยองค์กรหรือหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน (Organizational Quarantine - OQ) ในจ.ปทุมธานี จากการตรวจหาเชื้อครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 กันยายน ผลพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี
3.ผู้ที่มาจากญี่ปุ่น 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 56 ปี อาชีพค้าขาย เดินทางถึงไทยวันที่ 30 กันยายน ด่านควบคุมโรคคัดกรองแล้วพบว่าเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค เริ่มป่วยวันที่ 29 กันยายน ด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ จากการตรวจหาเชื้อครั้งแรกวันที่ 30 กันยายน ผลพบเชื้อ ถูกส่งเข้ารักษาโรงพยาบาลบางเสาธง จ.สมุทรปราการ 4.ผู้ที่มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) 2 ราย เป็นพี่น้องกัน อายุ 29 และ 42 ปี สัญชาติไทย อาชีพพนักงานนวดเดินทางถึงไทยวันที่ 25 กันยายน เข้าพักในสถานกักกันของรัฐที่จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 กันยายน ผลพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ ถูกส่งเข้ารักษาโรงพยาบาลหนองใหญ่ จ.ชลบุรี
สธ.คาดยอดติดเชื้อไทยพุ่ง6พัน
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรคแถลงสถานการณ์ภาพรวมของไทยเปรียบเทียบกับสถานการณ์ของทั้งโลกขณะนี้ ซึ่งมีผู้ป่วย 34 ล้านคนแล้ว ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น ยังอยู่ในระดับสูง ตัวเลขที่เปิดเผยในปัจจุบันนักวิชาการคาดว่าต่ำกว่าตัวเลขจริง ในส่วนของไทยก็เช่นกัน ปัจจุบันผู้ป่วยในระบบรายงานอยู่ที่ 3,575 คน แต่จากการค่าประมาณของทีมวิชาการที่คาดประมาณสถานการณ์ก็คาดว่าประเทศไทยน่าจะมีผู้ป่วยมากกว่านี้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 6 พันกว่าคน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเราก็คุมสถานการณ์ของโรคได้ดีมาก โดยมีระบบควบคุมโรคที่เข้มแข็ง ได้รับคะแนนอันดับดีทั้งระดับโลกและเอเชีย มีทีมสอบสวนโรคที่เข้มแข็ง เริ่มปฏิบัติงานเร็วตั้งแต่มีข่าวระบาดมาวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ในวันที่ 3 มกราคม 2563 ไทยเริ่มปฏิบัติการสาธารณสุขทันที ใช้องค์ความรู้จากนักวิชาการมีทีมวิชาการทำงานเข้มแข็ง การให้ข่าวและตัดสินใจหลายอย่างที่ต้องใช้หลักฐานทางวิชาการก็ร่วมกันคิดร่วมกันทำได้ค่อนข้างดี และทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมสกัดป้องกันโรค
ชี้โควิดเมียนมากดดันไทยคุมเข้ม
นพ.ธนรักษ์ยังกล่าวถึงสถานการณ์โควิดในเมียนมาว่า เป็นตัวกดดันสำคัญของไทย จะมีการระบาดเข้ามา หากเรามีระบบควบคุมป้องกันโรคมีการจัดการที่ดีในระยะเวลาเหมาะสม จะควบคุมการระบาดในประเทศไทยได้ แต่หากยังปล่อยให้ลักลอบเข้ามา ความเสี่ยงเกิดการระบาดในประเทศไทย จะเพิ่มขึ้น ตอนนี้สถานการณ์ระบาดของเมียนมาจากจุดเริ่มต้นย่านตะวันตกแถบรัฐยะไข่ เริ่มคืบคลานมาทางตะวันออกมากขึ้น มีการระบาดรุนแรงในเมืองย่างกุ้งมาระยะแล้ว และเริ่มมีเมืองอื่นที่เริ่มเจอผู้ป่วยประปราย รวมถึงรัฐมอญ ซึ่งมีชายแดนบางส่วนติดไทย และอีก 2 รัฐคือ คะฉิ่นและอีก 1 รัฐอาจเจอผู้ป่วยไม่มาก แต่เริ่มเห็นว่าการระบาดของโรคใกล้ชายแดนไทยเข้ามาทุกที ฉะนั้น เรื่องกวดขันคนเดินทางเข้าเมืองผิดกฎหมายให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้เป็นเรื่องสำคัญมาก ทุกฝ่ายไม่เพียงภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ประชาชนทุกคนสามารถช่วยอดส่องได้ หากพบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ขอให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ภาครัฐด้วย
ย้ำตรวจหาเชื้อเจอเร็วสกัดได้เร็ว
นพ.ธนรักษ์กล่าวต่อว่า อยากให้แยกการระบาดกับการพบผู้ป่วยใหม่นั้นต่างกัน เราพบผู้ป่วยรายใหม่ได้ ไม่เกินความคาดหมาย และไม่ใช่เรื่องที่ต้องตื่นตระหนก แต่จะทำอย่างไรให้การพบผู้ป่วยใหม่ไม่นำไปสู่การระบาดระลอกใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ฝ่ายสาธารณสุขเตรียมแผนรองรับไว้จนวันนี้ ส่วนถ้ามีการระบาดระลอก 2 จะรุนแรงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับมาตรการควบคุมป้องกันโรค ถ้าสอบสวนควบคุมโรคล่าช้าน้อยกว่า 1 วัน หลังพบผู้ป่วยจะมีประสิทธิผลควบคุมโรคเหลือ 79.9% แต่หากล่าช้าถึง 3 วัน ประสิทธิผลเหลือ 41.8% ซึ่งลดลงมาถึงครึ่ง และหากล่าช้าถึง 7 วัน ประสิทธิผลจะเหลือเพียง 4.9% ฉะนั้นการตรวจเจอผู้ติดเชื้อได้เร็ว จะส่งผลโดยตรงต่อการควบคุมโรคไม่ให้ระบาดออกไปวงกว้าง ซึ่งการที่มีโมบายแอพพลิเคชั่นต่างๆ ในการติดตามผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ จะทำให้ติดตามได้เร็วควบคุมโรคได้ทันการณ์ ประสิทธิผลของการควบคุมโรคจะมากขึ้น วันนี้ภาครัฐจะเปิดให้ต่างชาติเข้ามา แต่ย้ำว่าจะเริ่มจากประเทศที่เสี่ยงต่ำๆ สิ่งสำคัญสูงสุดในการควบคุมการระบาด ซึ่งคนไทยช่วยกันได้ โดยเช็คอิน เช็คเอาท์แอพพลิเคชั่น ทั้งหมอชนะ หรือไทยชนะก่อนเข้าใช้บริการสถานที่ต่างๆ เพราะเมื่อเกิดตรวจเจอผู้ติดเชื้อขึ้น จะสามารถตามหาคนสัมผัสได้เร็ว และเข้าไปคุมสถานการณ์ได้ทัน
คป.สธ.หนุนติดดาบกม.โรคติดต่อ
ด้านนพ.อุดม คชินทร ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านสาธารณสุข (คป.สธ.) แถลงหลังประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านสาธารณสุขตอนหนึ่งว่า รัฐบาลให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านกลับไปทบทวนแผนการปฏิรูปในด้านนั้นๆอีกครั้ง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด -19 สถานการณ์ทั่วโลกและไทยเปลี่ยนแปลงมาก ต้องปรับแผนใหม่ ให้เกิดประโยชน์จริง มี 5 เรื่องที่ต้องดำเนินการ โดยสรุปคือ การจัดการภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพ โดยเฉพาะโรคระบาด โรคอุบัติใหม่ อย่างโรคโควิด-19 ยังพบจุดบกพร่องอีกมาก โดยเฉพาะปัญหาพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่ไม่สามารถบังคับคนเข้าสถานที่กักกัน ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเข้ามาช่วย จึงต้องปรับแก้พ.ร.บ.โรคติดต่อใหม่ให้มีอำนาจจัดการสถานการณ์มากขึ้น ซึ่งอาจไม่ทันสำหรับนำมาใช้กับโรคโควิด-19 แต่เพื่อรองรับโรคระบาดอื่นๆ ที่จะตามมาในอนาคต ส่วนการจัดการโควิดวันนี้ ยอมรับว่ายังจำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเข้ามาดูแล แต่ไม่ได้เอาไปใช้กับเรื่องอื่น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี