“สุราษฎร์ธานี” จังหวัดทางภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เป็นที่ตั้งของ“เกาะสมุย” สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก อย่างไรก็ตาม “สุราษฎร์ธานีไม่ได้มีดีเฉพาะเกาะสมุย” แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่งดังที่เมื่อเร็วๆ นี้ ทีมงาน “นสพ.แนวหน้า” ติดตามคณะทำงานของกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปเยี่ยมชมสถานที่ที่มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์และด้านธรณีวิทยาของจังหวัด ได้แก่
1.พิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์ ธรณีวิทยา และธรรมชาติ หรือพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาพุนพิน อ.พุนพิน เป็นพิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์ ธรณีวิทยา และธรรมชาติวิทยา แห่งที่ 7 ของประเทศ เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางวิชาการด้านซากดึกดำบรรพ์ธรณีวิทยา และธรรมชาติวิทยา อีกทั้งเป็นคลังเก็บตัวอย่างสำหรับเก็บรักษาธรณีวัตถุที่ค้นพบในภาคใต้ อีกทั้งยังได้เติมวิทยาการสมัยใหม่เป็นศูนย์เรียนรู้ธรณีพิบัติภัยที่สมบูรณ์แบบแห่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้
2.แหล่งโบราณคดีเขาศรีวิชัยเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคใต้ ดังปรากฏหลักฐานทางโบราณวัตถุสถานจำนวนมากบริเวณเขาศรีวิชัยและพื้นที่ราบโดยรอบ ได้แก่ เนินโบราณสถาน ฐานโยนิ ศิวลึงค์ เทวรูปพระวิษณุ ทั้งนี้ยังมีชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมหิน เช่น ธรณีประตู กรอบประตู ฐานเสา เครื่องถ้วยจีน และเครื่องปั้นดินเผาพื้นเมือง รวมทั้งลูกปัดอีกเป็นจำนวนมาก นับได้ว่าเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญเป็นอย่างมาก
เด่นโชค มั่นใจ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์ ธรณีวิทยาและธรรมชาติ จ.สุราษฏร์ธานี กล่าวว่า พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาพุนพิน เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางวิชาการด้านซากดึกดำบรรพ์ ธรณีวิทยา และธรรมชาติวิทยา นอกจากนี้ยังเป็นคลังเก็บตัวอย่างสำหรับเก็บรักษาธรณีวัตถุที่ค้นพบในภาคใต้ และเป็นศูนย์เรียนรู้ธรณีพิบัติภัยที่สมบูรณ์แบบแห่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิชาการด้านธรณีวิทยา สำหรับนักเรียน นักศึกษา นักท่องเที่ยว และประชาชนที่สนใจ
“ผู้เข้าชมจะได้รับความรู้เบื้องต้นด้านธรณีวิทยา และยังสามารถชม Tree of Life ที่เป็นภาพนูนต่ำของซากดึกดำบรรพ์ เช่น ไทโลไบต์ นอติลอยด์ ไดโนเสาร์ เป็นต้น รวมถึงหุ่นจำลองการกำเนิดของโลก ระบบสุริยจักรวาล และส่วนประกอบของโลก ต่อเนื่องไปจนถึงการกำเนิดสุวรรณภูมิ และสัมผัสความหลากหลายทางทะเลดึกดำบรรพ์ ชีวิตดึกดำบรรพ์จากทะเลสู่บก ตั้งแต่ยุคพาลีโอโซอิก ซึ่งได้ค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในไทยอีกด้วย” ผอ.พิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์ ธรณีวิทยา และธรรมชาติ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าว
เด่นโชคกล่าวต่อไปว่า ส่วนแหล่งโบราณคดีศรีวิชัย ตั้งอยู่ทิศเหนือของควนพุนพิน ประกอบด้วย เนินเขาหินดินดานผสมเนินดินบริเวณที่เป็นโคกหรือที่ดอน 2 แห่ง ได้แก่ 1.ศาสนสถานประดิษฐานประติมากรรมหรือรูปเคารพ เพราะปรากฏร่องรอยแนวอิฐและหินดาน กับ 2.กรอบธรณีประตูโถงหนึ่งพบโยนิโทรนะ ส่วนอีกโคกหนึ่งใกล้เชิงเขาที่ปรากฏใบเสาเสมาหินทรายแดงสมัยอยุธยา
และเคยพบศิลาลึงค์บริเวณพื้นที่ราบห่างจากเขาศรีวิชัยไปทางตะวันตก มีสระน้ำขนาดใหญ่เป็นสระกลมสันขอบสระเป็นแนวกันดิน หรือ “สระพัง” สันนิษฐานว่าใช้เป็นแหล่งเก็บน้ำสำหรับทำการกสิกรรม ส่วนบนเขาศรีวิชัยประกอบด้วยเนินอิฐหรือศาสนสถาน 2 แห่ง ได้แก่ 1.เนินที่ประดิษฐานพระวิษณุ กับ 2.สระกลมขนาด 10x10 เมตร อาจเป็นสระน้ำโบราณสำหรับใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนา
นอกจากนี้ลักษณะธรณีสัณฐานบริเวณโดยรอบเขาศรีวิชัย เป็นภูเขาลูกโดดลูกเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางที่ราบลุ่มริมแม่น้ำพุนพิน ซึ่งเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำตาปี จากการเจาะสำรวจเพื่อศึกษาลักษณะชั้นตะกอนดินบริเวณที่ราบโดยรอบ พบชั้นตะกอนพื้นผิวเป็นชั้นตะกอนดินเหนียวสีดำ มีเนื้อละเอียดเหนียวนุ่ม แทรกสลับด้วยชั้นหินตะกอนทรายเนื้อละเอียดถึงหยาบเป็นชั้นบางๆ บ่งชี้ว่าในอดีตบริเวณนี้มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง ซึ่งต่อเนื่องถึงบริเวณปากแม่น้ำตาปีโบราณ
“ชั้นตะกอนนี้เทียบเคียงได้กับชั้นตะกอนดินเหนียวกรุงเทพฯ (Bangkok clay) ที่สะสมตัวเมื่อประมาณ 5,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่เป็นราบลุ่มแม่น้ำที่สามารถออกสู่ทะเลได้ ประกอบกับพบโบราณสถานและโบราณวัตถุในพื้นที่ ทำให้คาดว่าชุมชนโบราณตั้งอยู่ริมแม่น้ำแถบนี้ซึ่งส่วนหนึ่งของอาณาจักรศรีวิชัยน่าจะมีการค้าขายทางน้ำสู่ทะเล ทำให้อาณาจักรศรีวิชัยในอดีตมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก” เด่นโชค ระบุ
3.ถ้ำขมิ้น เป็นถ้ำที่ตั้งอยู่ในเขต “อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น” เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ถ้ำเหม็น” เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของประเทศไทย เป็นถ้ำหินปูนที่มีขนาดกว้างใหญ่มาก ภายในมีหินงอก หินย้อยที่สวยงาม และเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวจำนวนมาก ซึ่ง ชัยพร ชัยยศ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นอธิบายว่า ถ้ำขมิ้นเป็นถ้ำที่เกิดในเทือกเขาหินปูนที่เกิดขึ้นในยุค “เพอร์เมียน”(Permian) ตามตารางธรณีกาลประมาณ280 ล้านปีที่แล้ว
กระบวนการเกิดถ้ำนั้นเกิดขึ้นตามกระบวนการทางธรณีวิทยาที่ทำให้เกิดถ้ำทั่วไปคือ “เกิดการละลายของหินปูน” เมื่อถูกน้ำที่เป็นฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆแทรกตามแนวแตกที่ตัดผ่านชั้นหิน เมื่อการเวลาผ่านไป รอยแตกในเนื้อหินจะถูกกัดเซาะจนขยายตัวเป็นโพรงช่องว่างใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นถ้ำถ้ำขมิ้นมีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร มีการจัดเส้นทางทางศึกษาธรรมชาติระยะทาง 1,250 เมตร
“เนื่องจากภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยเป็นจำนวนมากจึงทำให้มีค้างคาวมาอยู่อาศัย ในอดีตถ้ำแห่งนี้จึงเคยเปิดสัมปทานให้มีการเก็บมูลค้างคาว นอกจากนี้ความสวยงามของธรรมชาติสร้างขึ้นมา ทำให้มีหินงอก หินย้อยขนาดใหญ่มีชื่อว่าเสาเอกและหลักชัย และยังมีม่านหินปูนสีชมพูที่มีลวดลายต่างๆ เช่น รูปพระพุทธรูปปางสมาธิ เป็นต้น จึงทำให้มีความสวยงามเป็นอย่างมาก” ชัยพร กล่าว
4.โครงการเกษตรเงาะแปลงใหญ่ ต.เพิ่มพูนทรัพย์ อ.บ้านนาสาร โดยในอดีตราว 70-80 ปีก่อน มีการทำเหมืองแร่ดีบุกในพื้นที่ ต่อมาในปี 2558 ได้เกิดโครงการเกษตรแปลงใหญ่ขึ้นในพื้นที่ 1,134 ไร่ 168 แปลง นำโดยเกษตรอำเภอบ้านนาสารและเจ้าหน้าที่โครงการแปลงใหญ่ ซึ่งเป็นการรวมตัวของคนในตำบลเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูก “เงาะโรงเรียน” ซึ่งเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของ อ.บ้านนาสาร โดยสุวิทย์ คงปาน ประธานกลุ่มเงาะแปลงใหญ่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพัฒนาไม้ผลเพิ่มพูนทรัพย์ เล่าว่า ลักษณะทางธรณีสัณฐานและธรณีวิทยาของเป็นที่เนินลอนราบระหว่างหุบเขา
ล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูงที่เป็นหินแกรนิต มีเขาหินปูนเล็กๆ กระจายอยู่โดยรอบ ทำให้ชั้นดินในหุบเขาที่ตั้งโครงการเงาะแปลงใหญ่เป็นดินที่เกิดจากการสะสมของตะกอนที่ผุพังมาจากเทือกเขาหินแกรนิตและหินปูนที่อยู่โดยรอบ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ดินบริเวณนี้มีความสมบูรณ์ ประกอบกับมีปริมาณน้ำฝนในพื้นที่มีปริมาณมากในแต่ละปี จึงทำให้พื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก จึงทำให้ผลผลิตเงาะในพื้นที่มีคุณภาพเป็นอย่างมาก โดยเงาะจากโครงการจะมีสีแดงสด ผลใหญ่ และมีความกรอบอร่อย
สุดท้าย 5.ภูเขาทรายเหมืองแกะตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านเหมืองแกะ อ.นาสาร เป็นประติมากรรมเนินทรายสูงต่ำสลับกันไป-มา โดยเป็นหินทรายสีขาว ซึ่ง มนตรี เหลืองอิงคะสุด รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า ในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ในการทำเหมืองแร่ดีบุกมาก่อน แหล่งแร่ที่พบเป็นแหล่งแร่แบบลานแร่ แร่ดีบุกในแหล่งนี้จะหลุดออกมาจากหินแกรนิต โดยต้นกำเนิดจากกระบวนการผุพังของหินตามธรรมชาติ
“แร่ดีบุกจะถูกน้ำพัดสะสมร่วมกับตะกอนกรวดทรายตามที่ราบเชิงเขา ซึ่งการทำเหมืองแร่บริเวณนี้จะทำโดยการดูดทรายขึ้นมาเพื่อแยกดีบุกออกเพื่อใช้ประโยชน์ ส่วนทรายที่แยกนั้นจะนำไปกองรวมกันไว้ในบริเวณที่กำหนด แต่พอเวลาผ่านไปกองทรายที่ทับถมกลายเป็นเนินทรายกองเท่าภูเขา จึงทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในปัจจุบัน” มนตรี ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี