เรื่องที่คนไทยทั้งประเทศ (บางครั้ง)รู้เอาบ้างไว้ก็ดีจะได้ไม่โง่ เรื่องของ “ข่าวสาร” ไม่ว่าจะเป็นจากแหล่งข่าว “โบราณ คือสื่อสิ่งพิมพ์” หรือ แหล่งข่าว สมัยใหม่ คือ สื่อออนไลน์ คงหา “ความสงบ-ลงตัว”ไม่ได้ไปอีกนาน เพราะฉะนั้น ดุลยพินิจจึงเป็น ตัวตัดสินใจที่ดีที่สุดของคนแต่ละคน ที่จะยอมรับว่า “อะไรถูก อะไรผิด” ขนาด กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระ ที่ไม่เป็นส่วนราชการ หรือ รัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีภารกิจหน้าที่ ตามชื่อที่ตั้งไว้ คือ เพื่อพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสื่อสร้างสรรค์ ยังไม่วายถูกวิจารณ์อย่างใหญ่โต เมื่อมีการตัดสินคัดเลือกมอบเงินให้กับผู้ที่เสนอตัวเข้ามาขอทุนเพื่อนำไปจัดทำสื่อสร้างสรรค์ออกมาเสนอสู่สังคม(ตามที่เป็นข่าวใหญ่อยู่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา) โดยถูกกล่าวหาถึง “ความไม่โปร่งใส”นั่นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าในยุคนี้ ยุคที่ ทุกอย่างรวดเร็ว ทันสมัย สะดวกสบาย ง่ายดาย ต่อการเชื่อมโยงถึงกันและกันทุกอย่างย่อมเป็นข่าวได้ ทุกอย่างย่อมถูกกล่าวถึงได้โดยง่าย แบบไม่ต้องการที่จะ “ค้นคว้าหาความถูกต้อง(เสีย)ก่อน” ฉะนั้น อะไรต่อมิอะไร ในยุคดิจิทัล สิ่งที่ต้องตระหนักคือ “การทำใจ” ขนาดเจ้าหน้าที่ (กรรมการพิจารณาโครงการ) ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบพิจารณา คัดเลือกผลงานของผู้สมัครขอรับทุนมาตั้งแต่เช้าจนถึงตีสาม ยังต้องบอกว่า “ต้องทำใจ” ที่จะยอมรับการถูกวิพากษ์วิจารณ์และผลมันก็ออกมาเป็นไปโดยธรรมชาติของโลกสมัยใหม่ ที่จะยุติการวิพากษ์วิจารณ์ของคนในสังคมไม่ได้ ในขณะที่โลกมันเปลี่ยนแปลงไปได้รวดเร็ว และอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดีในเวลานี้แต่ธรรมชาติก็ไม่ได้ เข้าข้างฝ่ายใดแต่เพียงฝ่ายเดียว เมื่อมีฝ่ายที่ “ไม่เห็นด้วย” พูดได้ ฝ่ายที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็สามารถพูดตอบโต้ได้ในศักยภาพเดียวกันลองอ่านบทความของคุณพนาทองมีอาคม ประธานคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชน หลังจากมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของคณะกรรมการพิจารณากองทุน เขาก็เขียนตอบโต้ออกมาแบบนิ่มๆละไมๆ ในเฟซบุ๊ค ได้ทันทีเหมือนกันดังต่อไปนี้.....
กองทุนพัฒนาสื่อฯ และทุน 3 ประเภทที่ผู้ขอทุนควรรู้ช่วงนี้มีข่าวคราวกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เรียกร้องให้ตรวจสอบกระบวนการให้ทุนหลังการประกาศชื่อผู้ได้รับทุนประจำปี ที่นี่ก็เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทำได้ ใครสงสัยก็นำเรื่องเข้ากระบวนการที่มีตรวจเสียให้ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไรระหว่างนี้อยากคุยเรื่องของทุน 3 ประเภทที่เขาจัดให้ประชาชนยื่นขอในปีนี้แต่นี่เป็นมุมคิดส่วนตัวในฐานะที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ใช่จากมุมทางการของกองทุนฯทุนสามประเภทนี้ ได้แก่ 1.โครงการประเภทเปิดรับทั่วไป (Open Grant) 2.โครงการประเภทเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Grant) และ 3.โครงการประเภทความร่วมมือ (Collaborative Grant)โครงการประเภทเปิดรับทั่วไป มุ่งตอบสนองความต้องการของสังคมที่ต้องการทำโครงการที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนเป็นทุนที่เปิดกว้างให้ทุกคนทุกองค์กร ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่สามารถเข้าถึงได้ การคัดเลือกจะอยู่บนฐานของคุณภาพโครงการโครงการประเภทที่สอง เป็นโครงการเชิงยุทธศาสตร์ที่เปิดให้แก่ผู้ประสงค์จะทำโครงการในแนวยุทธศาสตร์ตามที่กองทุนกำหนด นี่ไม่ใช่ทุนทั่วไป ดังนั้นคนยื่นขอต้องทำโครงการให้ตรงยุทธศาสตร์ที่จะกำหนดเป็นปีๆ ไป (อาจซ้ำกันในแต่ละปีได้) ฐานของการพิจารณาอยู่ที่ศักยภาพและคุณภาพในการตอบสนองยุทธศาสตร์ของกองทุนโครงการที่ยื่นมาแล้วไม่ตรงกับยุทธศาสตร์ ก็จะตกไปเป็นธรรมดานี่เป็นแนวทางที่กองทุนใช้ขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมสื่อดีขจัดสื่อร้าย ตามที่ฝ่ายยุทธศาสตร์ของกองทุนเห็นว่าจำเป็นหรือมีความรีบด่วน จะรอให้ทิศทางเกิดตามยถากรรมไม่ได้จึงได้กำหนดขึ้น ตัวอย่างของยุทธศาสตร์ที่กำหนดคือ การขจัดข่าวปลอม (Fake News)การสร้างความรู้เท่าทันสื่อ หรือการป้องกันการข่มเหงผ่านสื่อ(Cyber Bullying) เป็นต้นทุนประเภทที่ 3 คือโครงการประเภทความร่วมมือ นี่เป็นทุนใหม่ที่เพิ่งเปิดในรอบที่ผ่านมา เป็นการเติมเต็มให้แก่ระบบการให้ทุนของกองทุน หากย้อนกลับไปพิจารณาทุนสองประเภทที่กล่าวก่อนหน้า จะเห็นว่าผลงานที่จะออกมานั้นขึ้นอยู่กับผู้ขอทุนเป็นหลัก แม้มีผลดีในแง่ตอบสนองความต้องการของผู้ขอแต่ไม่สามารถตอบสนองพันธกิจของกองทุนได้ตามที่ประสงค์ อาทิ กองทุนกำหนดทิศทางยุทธศาสตร์ไว้ แต่ถ้าไม่มีผู้ยื่นขอ งานด้านนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น ทุนใหม่นี้จึงเป็นวิวัฒนาการของการให้ทุนเพื่อให้กองทุนทำงานเชิงรุก(Active) ได้ดีขึ้นทุนประเภทความร่วมมือนี้ เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา 3 ปีของกองทุน ที่พบว่าแม้กองทุนจะตอบสนองความต้องการของสังคมได้ดีพอควร แต่ยังตอบสนองงานสำคัญตามพันธกิจได้ไม่ดีนักเพราะการให้ทุนสองประเภทเดิมนั้น ทำงานเป็นรอบและปีหนึ่งมีกำหนดเวลาสั้นๆ รอบเดียวเท่านั้น พ้นจากนั้นสำนักงานทำงานได้น้อยมาก เท่าที่ได้เห็นในฐานะกรรมการกองทุนก็เช่น เมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19กองทุนควรได้ทำโครงการสื่อสารเพื่อป้องกันโรคแต่ทำได้ไม่ดีนัก เพราะกลไกปกติไม่อำนวย ไม่ตรงรอบให้ทุนยังมีปัญหาและโอกาสที่เป็นอุปสรรคอีกมาก เช่นโครงการที่ผ่านมามีระยะเวลาปีต่อปี พบว่าโครงการดีๆ ไม่สามารถทำต่อเนื่องได้ หรือมีโครงการดีๆ หลายโครงการแต่ผู้ขอต่างรายก็ไม่สามารถต่อยอดแบบบูรณาการได้เพราะต่างคนต่างต้องยื่นขอใหม่ ยังมีโอกาสทำโครงการดีๆ ได้อีกมากที่เสียโอกาสไป ไม่ว่าจะจากนักวิชาชีพ นักวิชาการผู้ใหญ่ หรือศิลปินระดับชาติ ซึ่งท่านเหล่านี้มักจะไม่ขอทุนที่เป็นเรื่องไม่แน่นอนในการทำงาน..ที่ยกมาเป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนเท่านั้นดังกล่าวแล้วว่าทุนความร่วมมือเป็นทุนใหม่ ปีที่ผ่านมาเป็นเพียงการทดลอง ต่อไปอาจมีการปรับบ้าง ซึ่งอยากขอสังคมให้โอกาสกองทุนในการปรับให้สมบูรณ์ขึ้นที่คุยให้ฟังวันนี้ เป็นแต่เพียงการคุยให้ฟังเรื่องประเภทของทุนโดยเฉพาะทุนประเภทใหม่ที่เกิดขึ้นในปีนี้ และอยากขอว่านี่ไม่ใช่การตอบโต้อะไรกับข่าวเกี่ยวกับกองทุนที่มีในระหว่างนี้
...เห็นไหม ธรรมชาติให้ความยุติธรรมทุกคนเท่าเทียมกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี