กรมอุตุฯเผยพายุโซนร้อน“หลิ่นฟา”เข้าประเทศเวียดนามแล้ว เตือน 9 จังหวัดอีสาน เตรียมรับฝนตกหนัก-ลมแรง-น้ำป่าไหลหลาก ด้าน“กองนช.”เตือนรับมือฝนถล่ม 11-14 ตุลาคมนี้ น้ำป่าไหลหลากทั่วทุกภาค แนะเขื่อนความจุน้ำเกินร้อยละ90 จัดการน้ำไม่ให้กระทบท้ายเขื่อน เตรียมแก้มลิงไว้หน่วงน้ำ ขณะที่’ปภ.’ระบุเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก-วาตภัย11จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,075ครัวเรือน
เมื่อวันที่ 11ตุลาคม กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ”พายุระดับ3(โซนร้อน) “หลิ่นฟา” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง (มีผลกระทบถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2563)” ฉบับที่4 ระบุว่า เวลา 10.00น.วันที่ 11ตุลาคม พายุระดับ3 (โซนร้อน) “หลิ่นฟา” ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองกวางงาย ประเทศเวียดนามแล้ว มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 75กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 30กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้มีแนวโน้มอ่อนกำลังลงเป็นพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) และพายุระดับ1(หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) ตามลำดับ ส่งผลกระทบให้ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งและมีลมแรง บริเวณ จ.มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษและจ.อุบลราชธานี
สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 11–12 ตุลาคม 2563 ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือขนาดเล็กงดการเดินเรือ จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา https://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24ชั่วโมง
ด้าน นายสำเริง แสงภู่วงศ์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.)ออกประกาศ กอนช.ระบุว่า ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 11 ต.ค. แจ้งว่า พายุระดับ3 (โซนร้อน) หลิ่นฟา ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็น พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) และพายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ทำให้บริเวณประเทศไทย โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคใต้ มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ในช่วงวันที่ 11- 14ตุลาคม กอนช.ได้ประเมินสถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ ในช่วงวันที่ 11-16ตุลาคม ดังนี้ 1. เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง บริเวณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออก จ.ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคกลาง จ.ชัยนาท กทม. สมุทรปราการ สมุทรสาคร ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้ จ.ระนอง พังงา กระบี่ และตรัง 2. เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง บริเวณคลองพระสทึง จ.สระแก้ว แม่น้ำมูล และแม่น้ำลำตะคอง จ.นครราชสีมา แม่น้ำแม่กลอง จ.ราชบุรี แม่น้ำเพชรบุรี จ.เพชรบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา จ.อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ 1. ติดตามเฝ้าระวังสภาพอากาศ และสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องตลอด 24ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ ที่มีฝนตกหนักต่อเนื่อง พื้นที่ที่มีสถานการณ์น้ำท่วมขังอยู่ หรือเคยเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก และมีสิ่งกีดขวางทางระบายน้ำ 2.ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำและแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมพร้อมในการอพยพ ได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์ 3.ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ พร้อมพิจารณาความเหมาะสมในการบริหารน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ90หรือเกินเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำสูงสุด เพื่อมิให้ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำ รวมทั้งเตรียมพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อเป็นแก้มลิงในการหน่วงน้ำและรองรับน้ำหลาก ประกอบด้วย ภาคเหนือ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ อ่างฯ ห้วยขอนแก่น อ่างฯ ห้วยป่าแดง จ.เพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6แห่ง ได้แก่ อ่างฯ ลำพระเพลิง จ.นคราชสีมา อ่างฯ ห้วยตาจู อ่างฯ ห้วยติ๊กชู อ่างฯ ห้วยตามาย อ่างฯ ห้วยทา จ.ศรีสะเกษ และ อ่างฯ ห้วยเสนง จ.สุรินทร์ ภาคกลาง จำนวน 1 แห่ง ได้แก่ อ่างฯ ห้วยมะหาด จ.ราชบุรี ภาคตะวันออก จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ อ่างฯ ขุนด่านปราการชล จ.นครนายก อ่างฯ หนองปลาไหล อ่างฯ ดอกกราย อ่างฯ คลองใหญ่ จ.ระยอง อ่างฯ เขาระกำ อ่างฯ ห้วยแร้ง อ่างฯ คลองสะพานหิน อ่างฯ คลองโสน จ.ตราด และอ่างฯ คลองพระสทึง จ.สระแก้ว จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ พร้อมด้วยเครื่องจักรเครื่องมือ เพื่อบูรณาการ ให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุระดับ2(ดีเปรสชัน) กอปรกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7-11ตุลาคม เวลา 06.00น.) มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย รวม 11จังหวัด 31 อำเภอ 63 ตำบล 162 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,075 รัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
นายขวัญชัย อุตตะเวช ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา รายงานสถานการณ์น้ำเขื่อนลำพระเพลิง 1ใน 4เขื่อนขนาดใหญ่ของ จ.นครราชสีมา ล่าสุดมีมวลน้ำจำนวนมากไหลเข้าเขื่อนอย่างต่อเนื่อง จนระดับน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว วัดได้ 147 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 95% ของความจุ 155 ล้านลูกบาศก์เมตร ในรอบ 24 ชั่วโมง มีน้ำไหลเข้าเขื่อน 6.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายน้ำออก 3.7 ล้านลูกบาศก์เมตร และปรับแผนการระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านลูกบาศก์เมตร ให้มีความสมดุลระหว่างมวลน้ำไหลเข้าเขื่อนและมวลน้ำระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน
ขณะที่ นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ นายอำเภอปักธงชัย จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า มีพื้นที่ท้ายเขื่อนได้รับผลกระทบจากมวลน้ำ ที่ระบายออกจากเขื่อนลงสู่คลองธรรมชาติลำพระเพลิง ทำให้เกิดน้ำท่วมสะพานทางเข้าออกหมู่บ้าน หมู่ 6 ต.บ่อปลาทอง ระดับน้ำสูงกว่า 80 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร กระแสน้ำไหลเชี่ยว ชาวบ้าน 50 ครัวเรือน ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องนำเรือท้องแบน ช่วยเหลือขนย้ายประชาชนเดินทางข้ามสะพาน เข้าออกหมู่บ้านเพื่อความปลอดภัย
พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวว่า จากข้อห่วงใยของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งการให้ทุกกองทัพกระจายกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะที่จ.นครราชสีมานั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงในพื้นที่ อาทิ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 21พัน ร.มทบ.21และ ป.6 พัน 23 จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ประสานงานร่วมกับส่วนราชการ และภาคประชาสังคมในพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบทันที สำหรับการดำเนินงานนั้น หน่วยทหารในพื้นที่ได้จัดแบ่งกำลังชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ดูแลอำนวยความสะดวก บรรจุกระสอบทรายทำแนวกั้นน้ำ ป้องกันน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เก็บขยะขวางทางน้ำ ระบายเส้นทางการจราจร นำเรือท้องแบนเข้าช่วยอพยพผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ และประชาชนเข้าสู่พื้นที่ที่ปลอดภัย ขนย้ายสิ่งของขึ้นสู่ที่สูงและมอบสิ่งของอุปโภคบริโภค ในส่วนของ จ.นครราชสีมา ยังคงมีปริมาณฝนตกอย่างต่อเนื่อง กองทัพบกได้จัดกำลังพลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง พื้นที่ลุ่มต่ำทั้ง อ.พิมาย อ.ปากช่องและอ.ปังธงชัย ตลอด 24ชม.เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถทันทีที่ประสบภัยพิบัติ ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ได้มีข้อห่วงใยพิเศษฝากไปถึงผู้บังคับหน่วย และกำลังพลทุกนายให้มีมาตรการป้องกันดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี