จังหวัดอุตรดิตถ์ยังคงเผชิญสถานการณ์วิกฤตหลังอิทธิพลพายุ "บัวลอย" ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม 5 อำเภอขยายวงกว้าง โดยเฉพาะ อ.ตรอน น้ำล้นคลองตรอนเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 500 หลังคาเรือน และทะลักเข้าพื้นที่โรงพยาบาลตรอน ต้องเร่งอพยพผู้ป่วย ขณะที่มีรายงานผู้สูญหาย 4 ราย และพบผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย

วันที่ 1 ตุลาคม 2568 สถานการณ์ในจังหวัดอุตรดิตถ์ยังคงวิกฤต จากอิทธิพลของพายุบัวลอยที่ทำให้มีฝนตกหนักและต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน ถนน และพื้นที่การเกษตรในวงกว้าง โดยได้รับผลกระทบไปแล้วถึง 5 อำเภอ ได้แก่ น้ำปาด ทองแสนขัน ท่าปลา ตรอน และขยายวงกว้างไปยังพื้นที่ท้ายเขื่อนสิริกิติ์

ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา นางสาวชาครียา เศรษฐเสรี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ (ปภ.อุตรดิตถ์) ได้นำทีมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครลงพื้นที่เร่งอพยพกลุ่มเปราะบางไปยังโรงพยาบาลอุตรดิตถ์และโรงพยาบาลพิชัย เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับความเสียหาย มีรายงานว่าที่ อ.ท่าปลา พบผู้เสียชีวิตจากกระแสน้ำป่า 1 ราย ขณะที่บ้านห้วยแมง หมู่ 3 ต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำล้นอ่างเก็บน้ำคลองตรอน (อ่างห้วยแมง) อย่างรุนแรง มีการแจ้งรายงานผู้สูญหายที่ไม่สามารถติดต่อได้จำนวน 4 คน นอกจากนี้อาคารสำนักงาน อบต.น้ำไคร้ ก็ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายด้วย

สถานการณ์ในพื้นที่ลุ่มต่ำยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะใน อ.ทองแสนขัน แม้ระดับน้ำจะเริ่มลดลงในพื้นที่สูง แต่ยังท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ มวลน้ำทั้งหมดได้ไหลลงสู่ คลองตรอน ตลอดทั้งสาย และทะลักเข้าท่วม ต.น้ำอ่าง และ ต.บ้านแก่ง อ.ตรอน โดยเฉพาะใน เขตเทศบาลตำบลบ้านแก่ง ซึ่งอยู่ริมคลองตรอน น้ำได้ล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนมากกว่า 500 หลังคาเรือน

ที่น่ากังวลคือ โรงพยาบาลตรอน ซึ่งอยู่ติดกับคลองตรอน ก็ได้รับผลกระทบจากน้ำที่ล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่โดยรอบ ทำให้แพทย์และพยาบาลต้องเร่งอพยพผู้ป่วยอย่างเร่งด่วน โดยให้ผู้ป่วยที่อาการไม่หนักกลับบ้านไปก่อน ส่วนรายที่มีอาการหนักได้ย้ายไปอยู่ในพื้นที่สูงเป็นการชั่วคราว

ปภ.อุตรดิตถ์ ได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ อ.ตรอน อ.พิชัย และประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำน่าน ให้เตรียมพร้อมอพยพและเก็บสิ่งของขึ้นที่สูง เนื่องจากมวลน้ำจากทางเหนือจะไหลลงสู่แม่น้ำน่านอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นและอาจล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนได้อีก