ห่วงม็อบติดโควิด
สธ.แนะผู้ชุมนุมสังเกตอาการ
มีไข้ให้หาหมอตรวจฟรี
ศึกษาภูมิคุ้มกันในเลือด
หนุนแนวคิดลดวันกักตัว
ติดเชื้อใหม่13มาจากตปท.
ไทยพบโควิดเพิ่ม 13 ราย มาจากต่างประเทศ 6 ประเทศ ในจำนวนนี้3 ราย เป็นชาวเมียนมาถูกส่งตัวกลับประเทศแล้ว “อนุทิน” แจงเป้าคุมโควิด-19 ไม่ได้มุ่งทำให้การติดเชื้อเป็นศูนย์ แต่ต้องไม่ให้ระบาด เร่งตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันให้แน่นอน ก่อนชง“ศบค.”ลดวันกักตัว พร้อมแนะผู้ชุมนุมพบแพทย์ทันที หากมีอาการป่วยเป็นไข้ หรืออาการทางเดินหายใจ ตรวจโควิดให้ฟรี
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19ในประเทศไทยว่ามีผู้ป่วยใหม่ 13 ราย มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 3,665 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 2,445 ราย และอยู่ในสถานกักกันโรคที่รัฐกำหนด (Quarantine) 724 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 3,463 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล (รพ.) 143 ราย เสียชีวิตสะสม 59 ราย
ติดเชื้อใหม่13กลับจากตปท.
ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ป่วยสะสม 3,665 ราย รักษาในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และนนทบุรี 2,006 ราย ภาคเหนือ 101 ราย ภาคกลาง 702 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 112ราย ภาคใต้ 744 ราย ผู้ป่วยรายใหม่ 13 ราย แบ่งเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค 10 ราย มาจาก 6 ประเทศคือ เลบานอน 1 ราย เมียนมา 3 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย อิตาลี 1 ราย ซูดานใต้ 3 ราย เอธิโอเปีย 1 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ถูกส่งกลับไปรักษาที่เมียนมา 3 ราย
สธ.ตั้งเป้าคุมโควิดไม่ให้ระบาด
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการรับมือสถานการณ์โควิด 19 ของไทยว่า ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยต่อสู้กับโรคโควิด ทำให้วันนี้เรารู้จุดแข็งจุดอ่อนของไวรัสนี้แล้ว รู้ว่าการสวมหน้ากากอนามัยไวรัสทำอะไรเราไม่ได้มากกว่า 95% ถ้ามีหลุดก็แค่ 5% เท่านั้นซึ่งเรารับมือได้ ดังนั้น การทำทุกอย่างไม่ให้ติดเชื้อในประเทศเป็น 0% จึงไม่ใช่เป้าหมายที่ถูกต้อง เราต้องเล็งเป้าหมายใหม่ ทุกวันนี้เรามีระบบตรวจจับและคัดกรองที่ดีเยี่ยม ขอให้มีการเข้าประเทศอย่างถูกวิธีเราตรวจจับได้ทั้งหมด สามารถจัดการโควิด -19 ได้ ขอเพียงเราสวมหน้ากากและล้างมือบ่อยๆ ส่วนการเข้ามาผิดวิธีเป็นหน้าที่ฝ่ายปกครองและความมั่นคง รวมถึงเป็นการสนับสนุนของอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) และประชาชนในการเฝ้าระวังคนแปลกปลอม แม้จะพบผู้ติดเชื้อเข้ามาก็อย่าตื่นตระหนก เรามีระบบตรวจจับและควบคุมโรคที่รวดเร็ว ไม่ให้เกิดการระบาดในวงกว้าง
บี้หน่วยงานในสังกัดผลิตวัคซีน
รมว.สาธารณสุขกล่าวต่อว่า สำหรับการจัดหาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้คนไทย ขณะนี้ได้ลงนามเซ็นสัญญาร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และบริษัท แอสตราเซนเนกา จำกัด ซึ่งมาจากการที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและแอสตราเซนเนกามาตรวจโรงงานของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์แล้วบอกว่านี่ คือ “Ideal Vaccine Factory” ถือเป็นโรงงานผลิตวัคซีนดีเลิศสมบูรณ์แบบ ทำให้เกิดความร่วมมือกัน โดยการพัฒนาค้นคว้าทดลองวิจัยเป็นเรื่องผู้ผลิตวัคซีน เมื่อได้สูตรต้องนำมาให้สยามไบโอไซเอนซ์ผลิต ซึ่งจะเป็นการผลิตวัคซีนในประเทศเอง โดยผลิตได้ 100-200 ล้านโดส ในระยะเวลาที่กำหนดสำหรับไทยและภูมิภาคใกล้เคียง และกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งหน่วยงานในสังกัด เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทั้งการศึกษาประสิทธิภาพ ความปลอดภัย รวมถึงการขึ้นทะเบียน และให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเตรียมงบประมาณ
เช็คเลือดหาภูมิคุ้มก่อนชงลดกักตัว
“จากนี้เป็นช่วงที่ต้องบุกโควิด-19 บ้าง แม้วันที่ไม่มีวัคซีนต้องปฏิบัติตนอย่างไร ดูแลประเทศอย่างไร ต้องเข้าใจว่าจะอยู่กับโรคนี้อย่างไร และอีก 1-2 สัปดาห์ การศึกษาระหว่างกรมควบคุมโรคและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกัน หากมีความแม่นยำ มีประสิทธิภาพ จะเสนอเพื่อลดวันกักตัวลง นี่คือสิ่งที่ทำอยู่ ไมใช่ทำทุกอย่างเป็น 0 แล้วปิดประเทศ นี่ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล การที่เราตรวจประสิทธิภาพ แม่นยำและช่วยให้ลดเวลากักตัวลงได้ ถือเป็นข่าวดีมาก ผมต้องการให้ไทยเป็นผู้นำบ้าง ไม่ใช่ตามวิธีการของประเทศอื่น ถึงเวลาที่เราต้องเป็นตัวอย่างแล้วให้ประเทศอื่นบอกว่าไทยเขาไปอย่างนี้แล้ว ต้องเป็นผู้นำบ้าง อย่าไปกลัว คิดอะไรได้ดี และทุกคนเห็นชอบก็ต้องเดินหน้า เราต้องกล้าเป็นคนนำในทุกมิติ ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ปลอดภัย และก้าวออกจากยุคโควิด -19 ด้วยความมั่นใจ มั่นคง เป็นที่ยอมรับในทุกประเทศ” นายอนุทินกล่าว
จับตาผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบฯ
ขณะที่นพ.ณรงค์ อภิกุลวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงมาตรการป้องกันควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขเป็นห่วงประชาชนและการป้องกันโควิด-19 เนื่องจากมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก จึงสั่งให้ตั้งจุดคัดกรอง เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้เข้าร่วมชุมนุมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเพื่อลดความเสี่ยงในการระบาดจองโควิด-19 สธ.จึงนำหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไปแจกที่จุดคัดกรองด้วย โดยจุดคัดกรองนั้นร่วมกับด่านตำรวจ แต่เมื่อเกิดการปะทะเจ้าหน้าที่ก็ต้องถอนจุดคัดกรองเพื่อความปลอดภัย
ใครมีไข้พบหมอตรวจโควิดฟรี
“หลังจากนี้ต้องขอผู้เข้าร่วมชุมนุมว่า ให้สังเกตอาการตนเอง 14 วัน หากเกิดอาการไข้ หรือระบบทางเดินหายใจ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที และต้องแจ้งประวัติว่าเข้าร่วมชุมนุมด้วย ในประเทศไทย ไม่มีเชื้อโควิด-19 มาระยะหนึ่งแล้ว มีเพียงความเสี่ยงบริเวณขอบชายแดน หากมีกลุ่มผู้ชุมนุมเกิดเป็นไข้ หรือไม่สบายด้วยระบบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน 5-10 ราย ต้องสอบสวนโรค และอาจต้องตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุก ซึ่งเป็นไปตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรค แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย”นพ.ณรงค์กล่าว
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้รัฐบาลประกาศห้ามไม่ให้ชุมนุมแล้ว สธ.จึงต้องดำเนินการเฝ้าระวังโรค หากผู้เข้าร่วมชุมนุมมีอาการป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจให้รีบไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติว่าเข้าร่วมการชุมนุม สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ฟรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี