ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้อง "หมวดจรูญ" คู่กรณีหวย 30 ล้านอลเวง ส่วน "ครูปรีชา" เตรียมปรึกษาทนายหวังยื่นฎีกา ยันความจริงก็8nvความจริง ความจริงต้องมาก่อนความเชื่อ ขณะที่ "หมวดจรูญ" ประกาศลั่นเตรียมฟ้องกลับครูปรีชา พร้อมพยานเอกยกแผง ชี้ศาลคืนความเป็นธรรมให้แล้ว จากนี้จะขอความเป็นธรรมคืนบ้าง
วันที่ 20 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีหวย 30 ล้านบาทระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ที่ต่อสู้กันมาถึง 3 ปีว่าวันนี้หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นเนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนั้น ศาลอุทธรณ์จึงเห็นด้วยกับศาลชั้นต้นพิพากษายืน
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.10 น. นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา (โจทก์) พร้อมด้วยนายวชิระ ทานท่า ทนายความและทีมงานได้ออกมาจากห้องพิจารณาคดีโดยมีสื่อมวลขนรอรายงานข่าวเป็นจำนวนมากว่า จากการสังเกตพบว่านายปรีชา ไม่ได้มีสีหน้าที่เคร่งเครียดแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายปรีชา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ตนต้องขอขอบคุณศาลอุทธรณ์ภาค 7 ตนเคารพในคำติดสินของศาลอุทธรณ์ แต่เราก็ต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมายต่อไป คือเราจะนำประเด็นต่างที่ไม่เห็นด้วยไปปรึกษากับทนายความเพื่อมาดูว่ามันบกพร่องตรงจุดไหนในการอุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องหมวดจรูญ ตรงนี้ครูยังยืนยันว่าลอตเตอรี่นั้นเป็นของครูอยู่หรือไม่ นายปรีชา ตอบว่า อย่างที่ได้เรียนไปแล้วว่า ตนเคารพในคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ ภาค 7 แต่มีอยู่บางประเด็นที่จะต้องนำไปปรึกษากับทนายความ ที่เราจะต้องใช้สิทธิตามกฎหมายต่อไป เพราะความจริงก็คือความจริง
นายวชิระ ทานท่า ทีมงานทนายความที่มาร่วมรับฟังคำพิพากษา กล่าวว่า วันนี้เรามาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นไปตามที่ครูปรีชาชี้แจงว่าเราเคารพในคำตัดสิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรายังไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาในหลายประเด็น ดังนั้น เราคงจะต้องใช้สิทธิ์ในการยื่นฎีกาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีประเด็นอะไรบ้างที่ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาล นายวชิระ ตอบว่า "เรื่องนี้ต้องนำรายละเอียดไปปรึกษากับทางทีมทนายความอีกครั้งหนึ่ง" ส่วนในหลักการแล้วมีช่องว่างให้ยื่นฎีกาได้ด้วยหรือไม่นั้น นายวชิระ กล่าวว่า ในหลักตามกระบวนกฎหมายแล้วเรายังสามารถที่จะใช้สิทธิ์ยื่นฎีกาได้ โดยหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาออกมา เราสามารถยื่นฎีกาได้ภายในเวลา 30 วัน ซึ่งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยืนยกฟ้องนั้นท่านได้ให้เหตุผลเดียวกันกับคำพิพากษาของศาลขั้นต้นว่า เราไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงยืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
"สำหรับข้อกำหนดในการยื่นฎีกาเนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษจำคุก 3 ปีซึ่งอันที่จริงแล้วตามกฎหมายห้ามไม่ให้ฎีกาแต่ก็มีข้อยกเว้นที่จะทำให้เราสามารถฎีกาได้อยู่"
ต่อมาเวลา 11.20 น. ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ พร้อมนายนายษิทราเบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความส่วนตัว รวมทั้งนางลาวัล วิมูล นายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความ และลูก รวมทั้งแฟนคลับของหมวดจรูญ ได้ออกมาจากบัลลังก์ ซึ่งพบว่าทุกคนมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยเฉพาะหมวดจรูญ และภรรยา รวมทั้งลูกสาว
โดยนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้เน้นเรื่องของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะคลิปเสียงตั้งแต่วันที่ 27-28 พ.ย.ปี 60 จนมาถึงต้นเดือน ต.ค.ท่านเอามาพิพากษาหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณเบสโทรศัพท์ว่าขณะนั้นครูปรีชาอยู่ที่ไหน และคลิปเสียในวันที่ 31 ต.ค.60 ที่ครูปรีชาอ้างว่าไปตลาดเรดซิตี้ ซึ่งคลิปเสียงบอกอย่างชัดเจนว่า ครูปรีชาออกจากโรงเรียนแล้วเดินทางไปรับลูกที่โรงเรียน ซึ่งมีคลิปเสียงอยู่ตลอดเส้นทาง โดยเบสสัญญาณโทรศัพท์จับได้ทุกช่วงเวลาของการเดินทาง
การที่ทางฝ่ายของครูปรีชา เขียนอุทธรณ์ไปนั้นมันมีอุทธรณ์บางข้อที่เขายอมรับข้อเท็จจริงไป ทำให้ศาลอุทธรณ์ไม่จำเป็นต้องไปพิจารณาคำพิพากษาอะไรมาก เช่นเรื่องการใช้โทรศัพท์ เขาไม่ได้มาต่อสู้คดีว่าการใช้โทรศัพท์นั้นมันคลาดเคลื่อนอย่างไร แต่กลับยอมรับสารภาพว่าใช้โทรศัพท์คุยกับคนโน้นคนนี้จริง แต่อ้างว่าคุยที่ตลาดเรดซิตี้ก่อน ซึ่งศาลมองว่ามันขาดกับพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และขัดกับหลักฐานที่ทางกองปราบได้มีการจำลองเหตุการณ์ในช่วงระยะเวลาที่ไม่สามารถเดินทางมาที่ตลาดเรดซิตี้ได้ทันในระยะเวลาไม่กี่นาที ซึ่งผมจำได้ว่าตอนที่กองปราบจำลองเหตุการณ์พบว่าครูปรีชาใช้เวลาที่ตลาดเรดซิตี้ร่วม 20 นาที ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่ครูปรีชาจะสามารถไปได้ศาลจึงเห็นว่าคำอุทธรณ์ ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะต้องนำมาวินิจฉัยด้วยซ้ำ จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ส่วนสาเหตุที่เมื่อสักครู่ที่ออกมาจากศาลช้า เพราะได้ไปตรวจสำนวนที่เราได้มีการฟ้องเอาไว้ คือฟ้องครูปรี เจ๊พัช และเจ๊บ้าบิ่น เกี่ยวกับเรื่องการเบิกความเท็จ ในช่วงขั้นตอนที่เขาขออายัดเงินลุงจรูญเอาไว้ ซึ่งเราคิดว่าการเบิกความตอนนั้นมันไม่ตรงกับความเป็นจริงและเราเคยฟ้องเขาในเรื่องการเบิกความเท็จเอาไว้เราจึงไปตรวจสำนวน ซึ่งในสำนวนบอกเอาไว้ว่าถ้าคดีมันถึงที่สุดก็หยีบยกคดีขึ้นมาใหม่ และอีกหนึ่งสำนวนเกี่ยวกับเรื่องของการฟ้องเท็จ ซึ่งก็คือคดีที่ศาลยกฟ้องในวันนี้ ซึ่งได้ฟ้องครูปรีชาและทนายวรยุทธท ทนายของครูปรีชาเอาไว้ ซึ่งคดีนี้เพิ่งขึ้นศาลเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายครูปรีชาขอเลื่อนคดีออกไปโดยอ้างว่าขอรอฟังคำพิพากษาในคดีหลัก ซึ่งในวันนี้ศาลก็ได้มีคำพิพากษาออกมาแล้ว ซึ่งกระบวนการพิจารณาก็คงจะดำเนินต่อไปได้เกี่ยวกับการฟ้องเท็จเพื่อกลั่นแกล้งคุณลุงจรูญให้ได้รับโทษทางอาญา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางครูปรีชากำลังหาช่องทางในการยื่นฎีกาสามารถทำได้หรือไม่ ทนายตั้มตอบว่า ต้องบอกก่อนว่าคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้ว คดีนี้เป็นคดีต้องห้ามฎีกา แต่ถ้าเกิดว่าใครจะก็สามารถขออนุญาตศาลท่านได้ แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าศาลท่านจะอนุญาตหรือไม่
"ผมคิดว่าคดีนี้คงจะจบแล้ว จากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับลุงจรูญแล้วว่าจะเอาอย่างไรต่อไป แต่ที่ผ่านมาเราได้ฟ้องไปแล้ว 2 สำนวน คือเรื่องฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ แต่เรื่องเบิกความเท็จซึ่งเป็นคดีอาญา ที่จะเอาลุงจรูญเข้าคุก ตอนนั้นเรายังไม่ได้ฟ้อง เพราะเราจะรอดูผลคำพิพากษาในวันนี้ก่อน ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับลุงจรูญแล้วว่าจะตัดสินใจฟ้องพยานคนไหนบ้าง"
ด้าน ร.ต.ท.จรูญ วิมูล เปิดเผยว่า หลังจากนี้ก็คงจะต้องมีการฟ้องกลับ เพราะวันนี้ศาลได้คืนความเป็นธรรมให้ผมมาแล้ว ต่อไปนี้มันจะกลับมาเป็นเรื่องของผมบ้างที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมตามที่ศาลท่านให้มา โดยจะเอาคืนจากคนที่ปั้นเรื่องปั้นราวขึ้นมาเหมือนโกหกศาล เพื่อที่จะให้ศาลลงโทษผมให้ได้ โดยเล็งฟ้องกลับกับทุกคนทั้งหมด ที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย
ขณะที่ทนายตั้ม ตอบเสริมว่า พยานบางคนไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 31 ต.ค.60 เพราะในคำพิพากษาก็บอกอยู่แล้วว่าในวันดังกล่าวครูปรีชาไม่ได้ไปที่ตลาดเรดซิตี้ แต่พยานก็มาเบิกความว่าเจอครูปรีชา มาคุยเรื่องเลข จนเป็นเรื่องเป็นราว ถ้าหากศาลเชื่อในพยานที่มาเบิกความเหล่านี้คุณลุงจรูญก็จะเกิดความเสียหายและอาจจะถูกจำคุกได้ จึงถือว่าโชคดีที่เจ้าหน้าที่กองปราบ และ ปอท.ลงมาช่วยกันคลี่คลายคดี จนทำให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษายกฟ้อง สำหรับบุคคลที่จะถูกฟ้องกลับ เช่นครูปรีชา เจ๊เกียว เจ๊พัช รวมทั้งเจ๊บ้านบิ่น และนายแผน ส่วนจะฟ้องแพ่งด้วยหรือไม่ จะกลับไปปรึกษากันก่อนว่า จะเอาคดีแพ่งผสมไปกับคดีอาญาไปด้วยหรือไม่ อย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี