นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ว่า จากที่คณะรัฐมนตรีมีมติวันที่ 20 ตุลาคม รับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ ในเรื่องเปิดตลาดและบริหารการนำเข้าสินค้ากากถั่วเหลือง รวมทั้งเห็นชอบมาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard Measure: SSG) สำหรับสินค้ามะพร้าวปี 2563 นั้น การเปิดตลาดและบริหารการนำเข้าสินค้ากากถั่วเหลือง พิกัดอัตราศุลกากร 2304.00.90 รหัสย่อย 02 เฉพาะที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อมนุษย์บริโภค และรหัสย่อย 29 เฉพาะที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ คราวละ 3 ปี (ปี 2564 – 2566) ในกรอบ WTO ได้แก่ JTEPA, AKFTA และ TCFTA รวมปริมาณ 230,559 ตัน ได้กำหนดภาษีในโควตาร้อยละ 10 และนอกโควตาร้อยละ133 ส่วนกรอบการค้าอื่นๆ ตามความตกลง เช่น AFTA ไม่จำกัดปริมาณการนำเข้าภาษี 0% ส่วน TAFTA และ TNZCEP ภาษี 0% ไม่ต้องขออนุญาตนำเข้าและไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรการบริหารการนำเข้า ขณะที่หากนำเข้าจากประเทศนอกความตกลงภาษี 6% และค่าธรรมเนียมพิเศษ ตันละ 2,519 บาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีวัตถุดิบใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เพื่อปกป้องเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากจนเกินความต้องการใช้ในประเทศ ครม.จึงเห็นชอบมาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard Measure: SSG) ภายใต้ความตกลง WTO และ AFTA สำหรับสินค้ามะพร้าว ปี 2563 เพื่อเป็นมาตรการคู่ขนานตามข้อเรียกร้องเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวจ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยกำหนดกฎระเบียบการนำเข้ามะพร้าวทั้งกะลา มะพร้าวอ่อนและมะพร้าวอื่น (พิกัดอัตราศุลกากร 0801.12.00 0801.19.10 และ 0801.19.90 ตามลำดับ) ให้เป็นแนวทางเดียวกันทั้งกรอบความตกลง WTO และ AFTA
สำหรับการนำเข้ามะพร้าวภายใต้กรอบความตกลง WTO กำหนดให้นำเข้ามะพร้าวได้ 2 ช่วง รวม 6 เดือนคือ มกราคม-กุมภาพันธ์และกันยายน-ธันวาคม (จากเดิมมกราคม-พฤษภาคม และพฤศจิกายน-ธันวาคม) โดยกรอบความตกลง WTO นอกโควตาไม่กำหนดช่วงเวลานำเข้า ส่วนการนำเข้ามะพร้าวผลตามความตกลง AFTA กำหนดช่วงเวลานำเข้า 4 เดือน คือ กันยายน-ธันวาคม 2563 โดยจัดสรรปริมาณนำเข้าให้ผู้มีสิทธินำเข้าที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้ หากนำเข้าเกินกว่าปริมาณ trigger volume ที่กำหนดคือ 335,926 ตัน จะปรับภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 54 เป็นร้อยละ 72 ตามข้อเสนอของคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช อย่างไรก็ตาม หากพบว่า ปริมาณมะพร้าวในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการและนำเข้ามะพร้าวไม่กระทบราคาที่เกษตรกรได้รับ อาจพิจารณาไม่บังคับใช้มาตรการ SSG ซึ่งทางกรมศุลกากรจะเป็นผู้รายงานข้อมูลให้แก่ สศก. ต่อไป
จากการคาดการณ์ผลผลิตมะพร้าวที่ออกสู่ตลาด พบว่า ปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 0.837 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการใช้อยู่ที่ 1.417 ล้านตัน ทำให้ผู้ประกอบการแปรรูปมะพร้าวมีวัตถุดิบไม่เพียงพอในการผลิตซึ่งปัจจุบัน มีผู้ประกอบการแปรรูปมะพร้าวที่มีคุณสมบัติและเป็นผู้มีสิทธินำเข้ามะพร้าวผลตามกรอบความตกลงของ AFTA ปี 2563 จำนวน 15 ราย ซึ่งจะสามารถนำเข้ามะพร้าวผลได้หลังจากกรมการค้าต่างประเทศออกประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางส่วน สำหรับเมล็ดถั่วเหลือง มะพร้าวเนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าวที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 ทั้งนี้ จะมีการเผยแพร่บนเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ และการอนุญาตให้มีการนำเข้าดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในประเทศ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว (กันยายน - ธันวาคม 2563) เป็นช่วงที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ส่งผลให้ราคามะพร้าวผลแห้ง (ใหญ่) ที่เกษตรกรขายได้ในปี 2563 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 11.50 – 16.50 บาท/ผล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี