“เฉลิมชัย”รมว.เกษตรฯ สั่งเข้มทุกหน่วยงานในสังกัด ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ช่วยเหลือเกษตรกรได้รับผลกระทบจากพายุ“โคนี” ด้าน ปลัดฯเกษตร ตั้งศูนย์ติดตามแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ เร่งรัดเข้าแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์น้ำจากอิทธิพลของพายุโคนีอย่างต่อเนื่อง จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าพายุจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางกับมีลมแรงระหว่างวันที่ 5–7 พฤศจิกายนนี้
โดยกล่าวว่า รู้สึกห่วงใยประชาชนใน จ.นครราชสีมาและปราจีนบุรี มีฝนตกจากอิทธิพลของพายุและหย่อมความกดอากาศต่ำก่อนหน้านี้มาหลายระลอกจึงต้องเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมซ้ำในพื้นที่ รวมทั้งผลผลิตของเกษตรกรทั้งข้าวที่กำลังออกรวง ปศุสัตว์ และแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปดูแลและให้คำแนะนำเพื่อบรรเทาความเสียหายและได้เน้นย้ำให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำในเขื่อนต่างๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม สำหรับอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ต้องคำนวณอย่างแม่นยำว่าสามารถรับน้ำเพิ่มได้อีกเท่าใด เพื่อเก็บกักไว้ใช้ในฤดูแล้ง แต่หากฝนที่ตกมาเพิ่มจะทำให้น้ำเกินเกณฑ์ จำเป็นต้องระบายน้ำออก ต้องให้กระทบพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด
ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดเกษตรฯ กล่าวว่าศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรรายงานว่ายังมีอุทกภัยใน5จังหวัดได้แก่ จ.นครราชสีมา อุบลราชธานี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และสุราษฎร์ธานีสำหรับ จ.นครราชสีมา ได้ให้กรมชลประทาน ติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองที่มีน้ำคิดเป็นร้อยละ117ของความจุ,เขื่อนลำพระเพลิง มีน้ำคิดเป็นร้อยละ 108 ของความจุและเขื่อนลำแซะมีน้ำคิดเป็นร้อยละ 110ของความจุ หากฝนตกมาอีกระลอก ต้องประเมินการระบายน้ำออกให้อยู่ในเกณฑ์ที่ด้านท้ายลำน้ำสามารถรองรับได้
นายทองเปลว เปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ได้สั่งให้ระบายน้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงที่ จ.อุบลราชธานีให้มากที่สุด เมื่อน้ำที่ไหลจาก จ.นครราชสีมาไหลลงไปถึง จ.อุบลราชธานี ระยะเวลาเดินทาง 20 วันจะไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งท่วมอ.วารินชำราบ อย่างไรก็ดี ขณะนี้จ.นครราชสีมายังคงมีน้ำท่วมขังใน 6 อำเภอได้แก่ อ.ปักธงชัย วังน้ำเขียว โชคชัย เฉลิมพระเกียรติ เมือง และพิมาย สำนักเครื่องจักรกลและสำนักงานชลประทานที่ 8 ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 53 เครื่องและเครื่องสูบน้ำ 1 เครื่อง
พร้อมกันนั้นได้สนับสนุนรถแบ็กโฮ9 คัน โดย 5 คันใช้ขุดลอกคลองสาบใหญ่ฝั่งขวา-ประตูระบายน้ำโพธิ์เตี้ย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำที่ท่วมขังลงสู่ลำน้ำบริบูรณ์ พร้อมติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำที่ประตูระบายน้ำข่อยงามและประตูระบายน้ำจอหอ 9 เครื่อง รวมทั้งติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ6ตัว เพื่อเร่งระบายน้ำท้ายเขื่อนพิมาย กำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำในลำน้ำมูลและลำน้ำจักราช
ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี น้ำในลำน้ำมูลเอ่อเข้าท่วมเขตเทศบาลเมือง ระดับน้ำสูง 30–50 เซนติเมตร สำนักงานชลประทานที่ 7 นำกระสอบทราย 500 ใบวางแนวกั้นน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณโรงเรียนเบญจมมหาราช 1 (ชุมชนวังแดง) นอกจากนี้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำถึง 50 เครื่องบริเวณสะพานพิบูลมังสาหารเร่งระบายน้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขง
สำหรับผลความเสียหาย ด้านการเกษตรที่สำรวจแล้วพบว่ามีรับผลกระทบ 21จังหวัดได้แก่ จ.อุทัยธานี เพชรบูรณ์ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ สุรินทร์ สระแก้ว ปราจีนบุรี ชลบุรี จันทบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี ชัยนาท ฉะเชิงเทรา นครปฐม สตูล สุราษฎร์ธานี กระบี่ และตรัง เกษตรกร 108,366 ราย พื้นที่ 794,034 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 370,979 ไร่ พืชไร่ 360,438 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 62,617 ไร่ทางกระทรวงฯ เตรียมแผนช่วยเหลือและฟื้นฟู โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี