คณะทูต15ชาติเยือนภูเก็ต
การันตีปลอดภัย
พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว
ชงศบค.ให้กักตัวแค่10วัน
อนามัยโลกชมรัฐบาลไทย
ป้องกันโควิด-19ได้ดีเยี่ยม
คณะทูตและภริยา 15 ชาติ เยือนภูเก็ตสร้างความเชื่อมั่นท่องเที่ยวไทย รัฐบาลแจงประเด็นคลายล็อกเปิดประเทศ โดยจะมีการเสนอลดระยะเวลาการกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน ต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ขณะที่องค์การอนามัยโลกชื่นชมไทยเป็นประเทศตัวอย่าง ต้นแบบของการประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับโควิด-19
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทย 2563 มีผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าอยู่ใน State Quarantine โดยมาจากสิงคโปร์ 1 ราย อิตาลี 1 ราย สหราชอาณาจักร 2 ราย และสหรัฐ 1 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 3,866 ราย รักษาหายเพิ่ม 10 ราย ยอดหายป่วยแล้ว 3,707 ราย เหลือรักษาในโรงพยาบาล 99 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถการควบคุมได้ดี รัฐบาลจึงมีนโยบายคลายล็อกเปิดประเทศบนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมความพร้อมและเดินหน้าสร้างความเข้าใจต่อประชาชนในการเปิดประเทศ ภายใต้แนวคิด SMART LIVING WITH COVID-19 คนไทยปลอดภัย เศรษฐกิจไทยไปรอด ซึ่งการเปิดประเทศจะทำอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในมาตรการรองรับ พร้อมสร้างความเข้าใจต่อประชาชนถึงความจำเป็นที่จะต้องเปิดต้อนรับชาวต่างชาติ เพื่อฟื้นฟูผลกระทบด้านเศรษฐกิจในเวลานี้
เล็งเสนอ ศบค.ลดกักตัวเหลือ10วัน
สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จะต้องเข้ารับการกักตัว 14 วัน และปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ส่วนการเสนอลดระยะเวลาการกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยจาก 14 วัน เหลือ 10 วันนั้น จะมีการเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ต่อไป โดยการลดการกักตัวเหลือ 10 วัน อยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน เนื่องจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ผู้ติดเชื้อเกือบทั้งหมดตรวจพบเชื้อภายใน 10 วัน การพบเชื้อหลัง 10 วัน ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ และมีโอกาสแพร่เชื้อต่ำ ดังนั้น ระยะการกักตัว 10 วัน และ 14 วัน มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน ล้วนแล้วแต่อยู่ในความสามารถจะควบคุมได้
ชี้ต้องรักษาสมดุล“คุมโรค-ฟื้นศก.”
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกัน จึงไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้เมื่อใด ประเทศไทยจะต้องรักษาสมดุลระหว่างการควบคุมโรคและการเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่สำคัญคือประเทศไทยมีประสบการณ์ด้านการรับมือการแพร่ระบาดของโรคเป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งการทยอยเปิดประเทศ ก็เป็นอีกแนวทางสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เพราะเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสำคัญ โดยแนวทางสำคัญของการทยอยเปิดประเทศคือการทำอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เดินหน้าไปพร้อมกับการสร้างความรับรู้และเข้าใจต่อประชาชน ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร เมื่อยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคระบาด ทั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยจะดีขึ้น และรัฐบาลกำลังเดินหน้าทยอยเปิดประเทศ แต่ประชาชนยังต้องเฝ้าระวัง ป้องกันการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง
อนามัยโลกชื่นชมไทยต้นแบบสู้โควิด
ขณะที่ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Dr. TedrosAdhanomGhebreyesus) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ชื่นชมบทบาทการเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีไทย รวมทั้งการทำงานด้านสาธารณสุขของไทย ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19
โดยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกได้กล่าวในพิธีปิดการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 73 (World Health Assembly 2020) โดยขอบคุณประเทศไทยที่สนับสนุนการทำงานขององค์การอนามัยโลก และชื่นชมประเทศไทยที่เป็นตัวอย่าง ต้นแบบของการประสบความสำเร็จ ในการบูรณาการความร่วมมือของภาครัฐและภาคประชาสังคมต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้จะยังไม่มีวัคซีน ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่มีการรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 นอกจากจีน
นายกฯย้ำ เป็นความสำเร็จของคนไทย
อย่างไรก็ตามประเทศไทยซึ่งมีประชากรกว่า 70 ล้านคน และเป็นประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าประชากรหนาแน่นแห่งหนึ่งของโลก กลับมีตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยกว่า 4 พันคน และผู้เสียชีวิตมีเพียง 60 คน ซึ่งความสำเร็จของไทยนี้ไม่ใช่เรื่องความบังเอิญ แต่เป็นเพราะการดำเนินนโยบายของไทยอย่างจริงจัง และตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ลงทุนในโครงสร้างทางด้านสาธารณสุข เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการต่อสู้กับโรคภัยตามหลักการของสาธารณสุขสากล
“นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณองค์การอนามัยโลกที่ได้ชื่นชมการดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไม่เพียงเป็นความสำเร็จของรัฐบาลเท่านั้น แต่เป็นความสำเร็จร่วมกันของทุกภาคส่วน และที่สำคัญเป็นผลมาจากรัฐบาลได้รับความร่วมมือที่ดีจากประชาชนคนไทยทุกคน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
คณะทูต15ชาติเยือนภูเก็ต
วันเดียวกัน”สำนักข่าวไทย”รายงานจากท่าอากาศยานภูเก็ต ว่า นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางณัษฐพร ชูวงศ์ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัด เรืออากาศตรี ธานี ช่วงชู ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต นายโกสินทร์ ผลมั่ง หัวหน้าหนังสือเดินทาง นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ให้การต้อนรับคณะทูตและคู่สมรส จาก 15 ประเทศ เดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต ตามโครงการ Ambassador’s Trip to Phuket 2020 ระหว่างวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2563
จากนั้นคณะทูตได้รับฟังบรรยายเรื่องมาตรการการคัดกรองนักท่องเที่ยว กลุ่มพิเศษ (Special Tourist VISA: STV) ซึ่งเป็นกระบวนการคัดกรองผู้โดยสารของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เพื่อรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว นักธุรกิจกลุ่มพิเศษ (STV) ตามนโยบายของรัฐบาลที่จะผ่อนคลายมาตรการให้สามารถเดินทางเข้าประเทศได้มากขึ้น หลังสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19 ) ระบาดลดลง เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงท่าอากาศยานภูเก็ตจะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ซักประวัติ ลงทะเบียน ตรวจหาเชื้อ และเก็บสิ่งส่งตรวจห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยโรค
ทั้งนี้ ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความเข้าใจให้แก่คณะทูต เพื่อร่วมประชาสัมพันธ์ในประเทศของตนเองว่าจังหวัดภูเก็ตพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศ โดยยึดถือและปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการมั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัย
ออสซี่ไร้ติดเชื้อรายใหม่ตลอดสัปดาห์
สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในต่างประเทศ ที่ประเทศออสเตรเลีย รัฐวิกตอเรีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด-19 ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นวันที่ 15 ติดต่อกันและไม่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ด้วย นับเป็นเวลา 2 สัปดาห์หลังจากที่รัฐวิกตอเรียยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ที่ยาวนานและเข้มงวดมากที่สุดในโลก ทางด้านรัฐนิวเซาท์เวลส์ ที่เป็นรัฐติดกันและเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย ไม่พบการติดเชื้อในประเทศมา 7 วันแล้ว ในขณะที่รัฐควีนส์แลนด์ ไม่พบการติดเชื้อในประเทศมาเป็นเวลา 2 เดือน จากข้อมูลนี้อาจจะหมายความว่า ออสเตรเลียไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นเวลา 1 สัปดาห์นับตั้งแต่เกิดการระบาดขึ้นในประเทศ
อิตาลีประกาศพื้นที่สีแดงเพิ่ม
กระทรวงสาธารณสุขของอิตาลี ประกาศให้แคว้นคัมปาเนีย ซึ่งมีเมืองเอกคือเมืองนาโปลี และแคว้นทอสคานาหรือทัสคานี ซึ่งมีเมืองเอกคือเมืองฟลอเรนซ์ เตรียมเข้าสู่การเป็นพื้นที่สีแดง หลังยอดป่วยโควิด-19พุ่ง ทั้งนี้ รัฐบาลอิตาลีกำหนดเกณฑ์ควบคุมโรค 3 ระดับ หรือ “เทียร์ 3 ขั้น” เมื่อต้นเดือนนี้ โดยขั้นต่ำสุดคือสีเหลือง สูงขึ้นมาเป็นสีส้ม และสูงสุดคือสีแดง โดยแคว้นลัตซีโยหรือลาซีโอ สถานที่ตั้งของกรุงโรม และแคว้นเวเนโตซึ่งมีเมืองเอกคือเมืองเวนิส เป็นเพียงพื้นที่ไม่กี่แห่งซึ่งยังอยู่ในระดับสีเหลือง ส่วนจำนวนผู้ป่วยใหม่รายวันอยู่ที่ 40,902 คน สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด เพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเป็นอย่างน้อย 1,107,303 คน และเสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 44,139 คน เพิ่มขึ้น 550 คน
เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อโควิดทะลุ 200ราย
สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี หรือเคดีซีเอ ของเกาหลีใต้ รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเกาหลีใต้ 205 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขทะลุ 200 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยในจำนวนผู้ติดติดเชื้อรายใหม่นี้ 166 คนเป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ส่วน 39 คน เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ มากกว่าร้อยละ 65 ของผู้ติดเชื้อภายในประเทศ มีการติดเชื้อในกรุงโซลและจังหวัดคยองกี ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรอยู่หนาแน่นใกล้กับกรุงโซล
สหรัฐป่วยทะลุ11ล้านดับเฉียด2.5แสน
สำหรับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก นับจนถึงช่วงเย็นวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 53,798,143 ราย เสียชีวิต 1,310,269 ราย รักษาหาย 37,573,064 ราย สหรัฐ ติดเชื้อ 11,066,546 ราย เสียชีวิต 249,998 ราย อินเดีย ติดเชื้อ 8,773,479 ราย เสียชีวิต 129,225 ราย บราซิล ติดเชื้อ 5,819,496 ราย เสียชีวิต 164,946 ราย ฝรั่งเศส ติดเชื้อ 1,922,504 ราย เสียชีวิต 43,892 ราย รัสเซีย ติดเชื้อ 1,903,253 ราย เสียชีวิต 32,834 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี