บึ้มหน้ารามฯ"มาเฟีย-ไฟใต้-การเมือง?"

บึ้มหน้ารามฯ"มาเฟีย-ไฟใต้-การเมือง?"

วันอังคาร ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556, 11.30 น.
Tag :

28 พ.ค.56 สำนักข่าวอิศรา ได้นำเสนอรายงานพิเศษเรื่อง แกะรอยระเบิดหน้ารามฯ...มาเฟีย-ไฟใต้-การเมือง? โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดในถังขยะบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 หรือ "ซอยติว" ใกล้ๆ ร้านตัดผมชื่อดัง "ออกัส" เมื่อค่ำวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เคราะห์ร้ายได้รับบาดเจ็บไปถึง 7 ราย และแผงขายของได้รับความเสียหายกว่า 10 แผงนั้น เบื้องแรกหลายฝ่ายเพ่งมองไปที่การสร้างสถานการณ์เชื่อมโยงกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้


เหตุเพราะ 1.ระเบิดที่ใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง บรรจุไว้ในท่อพีวีซี มีการใช้ตะปูเรือใบเป็นสะเก็ดระเบิดเหมือนที่วางกันรายวันที่ชายแดนใต้ และ 2.พื้นที่หน้ารามฯมีชุมชนขนาดใหญ่ของวัยรุ่นจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งในซอยรามคำแหง 53, 55, 57, 59 และ 61 ถึงขั้นมีการแบ่งโซน ตั้งหัวหน้าโซนดูแลกันเลยทีเดียว

แต่ข้อสังเกตนี้เริ่มแผ่วปลาย เมื่อตำรวจและเจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายความมั่นคงพากันออกมายืนกรานว่าระเบิดหน้ารามฯ ไม่เกี่ยวกับไฟใต้ เพราะระเบิดแสวงเครื่องนั้น ใครที่มีความรู้ทางอิเลคทรอนิกส์ก็ประกอบได้ และกลุ่มนักศึกษารามฯจากชายแดนใต้ส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการก่อความไม่สงบ

นั่นเป็นเหตุผลในทางเปิด แต่เหตุผลลึกๆ อีกประการหนึ่งก็คือ ชุมชนคนสามจังหวัดย่านหน้ารามฯ เป็นดั่งแดนสนธยากลางกรุงที่ยากเข้าไปจัดระเบียบ ข้อมูลการข่าวเคยมีรายงานว่าอาจมีแนวร่วมก่อความไม่สงบที่ก่อคดีในภาคใต้บางรายหลบเข้าไปกบดานบ้างก็ได้ ซึ่งหากเป็นความจริงก็ไม่น่าคิดวางระเบิดทำลายแดนสวรรค์ของตนเอง

จากการประมวลสถานการณ์ในเบื้องต้นทำให้ตำรวจพุ่งเป้าไปที่ความขัดแย้งเรื่องธุรกิจ เพราะพื้นที่หน้ารามฯเป็นดั่งทำเลทองของธุรกิจทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ทุกขุมข่ายมีมาเฟียคุม มีนักเลงเป็นมือไม้ทำงาน แต่หัวเรือใหญ่จริงๆ ล้วนเป็น "คนมีสี" ทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่วินรถตู้หน้ารามฯก็มี "สีเขียว" ดูแลอยู่ บ่อนการพนันขนาดกลาง 2-3 แห่งก็มีคนมีสีอยู่เบื้องหลัง เช่นเดียวกับวินมอเตอร์ไซค์ ติวเตอร์ พื้นที่จอดรถ เรื่อยไปจนถึงคิวรถตู้ย่านตลาดบางกะปิ ก็มี "สีกากี" คอยเก็บผลประโยชน์

แต่ธุรกิจที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำสำหรับแก๊งมาเฟียมากที่สุด หนีไม่พ้น "แผงค้า" เพราะบริเวณริมฟุตบาทหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงไล่ตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์รามฯ ยาวไปจนถึงซอยรามคำแหง 65 หรือ "ซอยมหาดไทย" มีแผงค้านับพันแผงให้พ่อค้าแม่ค้าเข้าไปจับของขายสินค้าและอาหารนานาชนิด

บริเวณนี้จึงเป็นขุมทรัพย์ของกลุ่มมาเฟียเรียกเก็บค่าเช่าแผง โดยเฉพาะจุดที่มีผู้คนพลุกพล่าน อย่างปากซอยรามคำแหง 29 ด้านข้างบิ๊กซีสาขารามคำแหง ด้านหน้าปากซอยวัดเทพลีลา และบริเวณซอยรามคำแหง 43/1 ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุระเบิด เท่าที่ตรวจสอบพบว่าผู้ค้าต้องเสียค่าเช่าแผงรายเดือน เดือนละประมาณ 10,000-30,000 บาท ส่วนจุดที่มีคนเดินผ่านน้อยจะเสียค่าเช่าประมาณ 1,200-10,000 บาท

เรื่องค่าเช่าแผงแพงมหาโหดนี้ เป็นที่รู้กันในวงการ แต่พอไปเลียบๆ เคียงๆ ถามใครก็ตามในย่านนั้น จะได้รับคำตอบเชิงไม่รู้ ไม่เห็น...

นางสำเร็จ เสามั่น อายุ 52 ปี แม่ค้าขายสมุนไพรใกล้กับจุดเกิดเหตุระเบิด เล่าว่า ค้าขายบริเวณนี้มา 3 ปีแล้ว ก่อนเกิดเหตุไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ จากนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว จึงรีบวิ่งออกมาดู ก็พบว่ารถเข็นของตนถูกแรงระเบิดพังเสียหาย

"รู้สึกแปลกใจว่าเกิดเหตุขึ้นมาได้อย่างไร และไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร เพราะที่ผ่านมากลุ่มแม่ค้าละแวกนี้ก็ไม่มีเรื่องขัดผลประโยชน์กับใคร ส่วนกลุ่มมาเฟียที่มาข่มขู่หรือคุกคามไล่ที่ก็ยืนยันว่าไม่มี"

นางสำเร็จ เล่าอีกว่า ล็อคที่ขายของอยู่นั้น เช่าช่วงต่อมาจาก นางจง ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งขายของอยู่ติดกันในราคาเดือนละ 500 บาท เพราะนางจงเป็นแม่ค้าที่ขายของอยู่บริเวณนี้มานานหลายปี จนได้ใบจับจองล็อคขายของ และแบ่งพื้นที่บางส่วนให้ตนขายด้วย  ส่วนใบจองของนางจงได้มาจากใคร หรือต้องไปจ่ายเงินให้ใครนั้น ตนไม่ทราบ

แม่ค้าอีกรายหนึ่งที่ตั้งร้านในย่านเดียวกัน เล่าเสริมว่า การเช่าแผงขายของหน้ารามฯส่วนใหญ่ เป็นการเช่าช่วงต่อจากกลุ่มแม่ค้าที่มีใบจับจอง ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าต้องนำเงินไปจ่ายให้กับใครบ้าง แต่ที่ต้องจ่ายแน่ๆ คือเจ้าหน้าที่เทศกิจในท้องที่ โดยจ่ายเป็นรายเดือน

เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนรายหนึ่งที่เข้าไปหาข่าวในพื้นที่ กล่าวว่า ขณะนี้ให้น้ำหนักเรื่องผลประโยชน์แผงค้ามากที่สุด เพราะพื้นที่ริมฟุตบาทหน้ารามฯ มีมาเฟียหลายกลุ่มคอยดูแลและเรียกเก็บค่าคุ้มครอง เมื่อเกิดเหตุขึ้นกลุ่มมาเฟียต่างไม่กล้าแสดงตัว และกลุ่มแม่ค้าเองก็ไม่กล้าปริปากพูดว่ามีใครบ้างที่เรียกเก็บเงิน

อย่างไรก็ดี เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ที่เคยเข้าไปจับผู้มีอิทธิพลในย่านรามคำแหง กลับได้ข้อมูลที่แตกต่างออกไป

"มาเฟียแถวนั้นไม่ค่อยนิยมใช้ระเบิด" แหล่งข่าวจาก บก.ป.ระบุ และว่าหากใช้ทฤษฎีตำรวจสมัยใหม่เข้าไปจับ ในแง่พฤติการณ์ศาสตร์น่าเชื่อว่ามาเฟียทางธุรกิจไม่ค่อยใช้ระเบิดในการจัดการปัญหา หรือหากใช้ก็น่าจะใช้ระเบิดแบบมาตรฐาน (ระเบิดที่ใช้ในกองทัพ เช่น ระเบิดลูกเกลี้ยง) เพราะผู้มีอิทธิพลเบื้องหลังส่วนใหญ่เป็นคนมีสี ไม่น่าจะเสียเวลาประกอบระเบิดแสวงเครื่อง

ประเด็นที่แหล่งข่าวจากกองปราบปรามและสันติบาลมองตรงกัน และยังไม่ตัดทิ้่งคือ "ความขัดแย้งทางการเมือง"

"อย่างที่บอกคือ ถ้าเป็นเรื่องแย่งพื้นที่ค้าขาย ทำไมต้องใช้ระเบิด หรือถ้าจะใช้ระเบิด ทำไมต้องเป็นระเบิดแสวงเครื่อง จุดนี้คล้ายเป็นความจงใจให้สังคมมองโยงถึงปัญหาภาคใต้ เพราะพื้นที่หน้ารามฯ ใครๆ ก็รู้ว่าคนจากสามจังหวัดไปอยู่เยอะ และมีเหตุปัจจัยความขัดแย้งมากมาย การวางระเบิดตรงนี้จึงสรุปยากว่ามาจากเรื่องใด และมีโอกาสสูงที่คนจะจับจ้องไปในเรื่องภาคใต้ ซึ่งเป็นงานที่รัฐบาลค่อนข้างล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา" แหล่งข่าวระบุ

และว่า มีความเป็นไปได้ที่คนก่อเหตุจงใจให้สังคมตีความไปเช่นนั้น เพื่อดิสเครดิตรัฐบาล ทั้งเรื่องปล่อยให้เกิดระเบิดกลางกรุง และสถานการณ์ไฟใต้ลามเข้ามาในเมืองหลวง ซึ่งก็สอดรับกับความล้มเหลวเรื่องการเจรจาสันติภาพที่รัฐบาลไปพูดคุยเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นพอดี

"ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลกำลังผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมและกฎหมายปรองดอง ซึ่งคนที่ไม่เห็นด้วยไม่ได้จำกัดเฉพาะฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลเท่านั้น โดยเฉพาะในเรื่องการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง ฉะนั้นช่วงนี้จึงมีความพยายามเร่งสถานการณ์ให้สุกงอมก่อนเปิดสภาเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ อย่างเมื่อ 1-2 สัปดาห์ก่อนก็มีการปล่อยข่าวเรื่องโยกย้ายนายทหารระดับสูง" แหล่งข่าวระบุ

สอดรับกับข่าวรัฐบาลเรียกประชุมด่วนเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล และทีม รปภ.นายกรัฐมนตรี ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลสั่งคุมเข้มสถานที่สำคัญ 9 จุดทั่วกรุง เสมือนหนึ่งอ่านทางออกว่าเสียงระเบิดที่กัมปนาทขึ้นที่หน้ารามฯ กำลังส่งสัญญาณอะไรในทางการเมือง!

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top