“สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ให้ได้ว่าปัญหาที่แท้จริงของการดำเนินธุรกิจท้องถิ่นคืออะไร ไม่ใช่ดูแค่ความต้องการ เช่น หากเขาบอกเราว่าต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งหากจะทำจริงมันก็คือการลงทุน เพราะฉะนั้น ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น จำเป็นต้องรู้สถานการณ์จริงของวิสาหกิจแต่ละแห่งเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องสุขภาพทางการเงิน ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลของ SMEs ที่ผ่านมาจะสามารถแบ่งสุขภาพธุรกิจเป็น 3 กลุ่มคร่าวๆ คือ 1.รุ่ง ธุรกิจมีกำไร และมีสภาพคล่องทางการเงิน 2.รอด ธุรกิจมีกำไรแต่ไม่มีสภาพคล่อง หรือไม่มีกำไรแต่มีสภาพคล่อง และ 3.ร่อแร่ ไม่มีกำไรและไม่มีสภาพคล่อง”
คำกล่าวของ ผศ.ดร.บัณฑิตอินณวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมอาหารแห่งมหาวิทยาลัยศิลปากร (EAST)ในฐานะหัวหน้าโครงการ “ศูนย์ประสานงาน/บริหารจัดการเพื่อยกระดับ เสริมศักยภาพของธุรกิจท้องถิ่นพร้อมกับการสร้างแพลตฟอร์มและกลไกการทำงานร่วมกัน มุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน”ถึงการนำงานวิจัยเข้าไปสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลาง-ขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งนักวิจัยจำเป็นต้องนำความต้องการของผู้ประกอบการมาวิเคราะห์หาปัญหาที่แท้จริงเสียก่อน
นั่นจึงเป็นที่มาของกรอบวิจัย “วิสาหกิจท้องถิ่น (Local Enterprise)” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) มีเป้าหมายคือ การยกระดับและ
เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชนของวิสาหกิจชุมชน ที่ผ่าน “การจัดการห่วงโซ่คุณค่าใหม่(New Value Chain)” โดยมีมหาวิทยาลัยที่ได้รับทุนวิจัยในปีงบประมาณ 2563 จำนวนทั้งสิ้น 15 มหาวิทยาลัย
ผศ.ดร.บัณฑิตกล่าวต่อไปว่ากระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วมระหว่างวิสาหกิจชุมชนและทีมนักวิจัยที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกการดำเนินงานวิจัยของมหาวิทยาลัยพัฒนาพื้นที่ในครั้งนี้ จะต้องเกิดการสร้างรายได้ให้แก่วิสาหกิจชุมชนในห่วงโซ่เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 10 นอกจากนี้ยังต้องทำให้เกิดการกระจายรายได้ลงไปสู่กลุ่มเกษตรกร/ผู้ผลิตที่เป็นภาคีต้นน้ำอย่างน้อยร้อยละ 10 อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยภายใต้กรอบวิจัยนี้ไม่ใช่การสร้างองค์ความรู้ (Knowhow)หรือสร้างความรู้ (Knowledge) ให้กับห่วงโซ่มูลค่าใหม่ (New Value Chain) แต่เป็นทุนสนับสนุนให้เกิดงานวิจัยที่สามารถเข้าไปช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของธุรกิจท้องถิ่นได้จริง ดังนั้น การทราบถึงสุขภาพทางการเงินของวิสาหกิจชุมชนแต่ละแห่งตั้งแต่เริ่มต้น จะทำให้มีแนวทางในการทำวิจัยร่วมกับวิสาหกิจนั้นๆ ได้อย่างเหมาะสม
“ผมได้สื่อสารกับทีมวิจัยของแต่ละมหาวิทยาลัย ในการทำการวิเคราะห์ทางการเงิน (Financial Analysis)ให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนแต่ละราย เพื่อให้เขาเกิดความเข้าใจในศักยภาพของตนเองและสถานภาพทางการเงินที่แท้จริงเสียก่อน ว่าตัวเขาอยู่ในสถานะรุ่ง รอดหรือร่อแร่ ก่อนเราจะหนุนเสริมด้วยกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ ซึ่งเป็นการนำข้อมูลต่างๆ ทั้งด้านการขาย การผลิต การตลาด สภาพคล่องทางการเงิน
และอื่นๆ ที่ได้จากการทำ FinancialAnalysis มาวางแนวทางปฏิบัติใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการแต่ละรายต่อไป ซึ่งจากประสบการณ์ที่นำวิธีการนี้ไปใช้กับผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 50 ราย พบว่า กลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจนี้ สามารถช่วยผู้ประกอบการกว่า 30 ราย ลดหนี้ 10% หรือมีรายได้เพิ่มขึ้น 10% ได้ทันที โดยยังไม่มีการใส่นวัตกรรม เทคโนโลยี หรือกระบวนการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการแต่อย่างใด” ผศ.ดร.บัณฑิตกล่าว
ผศ.ดร.บัณฑิต ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้กำลังจะถ่ายทอดแนวทางการทำกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ ให้กับมหาวิทยาลัยที่รับทุนภายใต้กรอบวิจัย Local Enterpriseของ บพท. ซึ่งหากทีมวิจัยมีการนำไปใช้กับวิสาหกิจที่ร่วมในกระบวนการวิจัยของแต่ละมหาวิทยาลัยแล้ว จะเป็นส่วนที่ช่วยสนับสนุนในการบริหารจัดการงานวิจัยให้แต่ละวิสาหกิจชุมชนเป้าหมาย
สามารถเพิ่มรายได้ร้อยละ 10 ตามเป้าที่กำหนดไว้!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี