ปภ.เร่งมือช่วย5จว.ใต้
นาท่วมหนัก
สงขลา-นครศรีฯวิกฤติ
วาตภัยซ้ำเติมบ้านพังยับ
กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็นลง 1-3 องศาฯ กับมีลมแรง ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขณะที่ภาคใต้มีฝนตกหนัก “สงขลา”
น้ำท่วมสูงหลายอำเภอ ชาวบ้านโอดหนักสุดในรอบ 10 ปี นครศรีธรรมราช เดือดร้อน 8 อำเภอ ปภ.ยื่นเร่งมือช่วย 5 จังหวัด คลี่คลายสถานการณ์
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง
ขณะที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซีย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.นครศรีธรรมราช ลงไป ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงนี้
สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
น้ำท่วมใต้เดือดร้อน5จว.
วันเดียวกัน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย พื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย รวม 5 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา และยะลา รวม 26 อำเภอ 82 ตำบล 302 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 564 ครัวเรือน ไม่มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ปัจจุบันภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำท่วมลดลงและอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย
ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และคลี่คลายสถานการณ์ โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง และสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบ กระทรวงการคลังฯ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในฐานะกองอำนวยการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.)รายงานอิทธิพลมรสุม ตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน – ปัจจุบัน (28 พฤศจิกายน 2563 เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย รวม 5 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา และยะลา รวม 26 อำเภอ 82 ตำบล 302 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 564 ครัวเรือน ไม่มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
แยกเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก 5 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา และยะลา รวม 24 อำเภอ 74 ตำบล 253 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 433 ครัวเรือน
นครศรีฯเดือดร้อน8อำเภอ
โดยนครศรีธรรมราช น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอวด อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอพระพรหม อำเภอท่าศาลา อำเภอทุ่งสง และอำเภอพิปูน รวม 33 ตำบล 153 หมู่บ้าน
พัทลุง น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอ นาโหนด อำเภอป่าบอน อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอกงหรา และอำเภอตะโหมด รวม 14 ตำบล 39 หมู่บ้าน
ตรัง น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง และอำเภอนาโยง รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 40 ครัวเรือน
สงขลา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสงขลา อำเภอจะนะ อำเภอสะเดา อำเภอหาดใหญ่ อำเภอควนเนียง และอำเภอสิงหนคร รวม 24 ตำบล 55 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 373 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วม 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอจะนะ อำเภอสะเดา อำเภอควนเนียง และอำเภอสิงหนคร
ยะลา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมืองยะลา ประชาชนได้รับผลกระทบ 20 ครัวเรือน ภาพรวมสถานการณ์อุทกภัยระดับน้ำท่วมลดลงและอยู่ระหว่าง สำรวจความเสียหาย พื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 1 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช รวม 3 อำเภอ (อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา อำเภอหัวไทร) 11 ตำบล 49 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 131 หลัง
คลื่นซัดเรือประมงจม
ด้าน เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำกู้ภัยพัทลุงและเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาภาค4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนากำลังเร่งค้นหาผู้สูนหายจากเหตุการณ์ชาวบ้านออกเรือหาปลา เจอพายุฝนพัดเรือล่ม กลางอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง ม.6 ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง
จากการสอบถามหนึ่งในผู้รอดชีวิต ทราบชื่อนายอภิเชษฐ์ อ้าหลีสหัส อายุ 41 ปี เป็นชาวบ้านบ้านพูด ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง ได้เล่าว่าตนและเพื่อนอีก2คนได้ออกมากับเรือพยัคฆ์ เพื่อหาปลาเพราะเป็นช่วงฝนตกน้ำขึ้นปลาชุม โดยมีนายคมน้อย ห้องคลิ้ง อายุ 38 ปี (ผู้สูนหาย) เป็นคนในพื้นที่ได้มาชวนตนและเพื่อนอีก1คนไปหาปลา โดยออกจากฝั่งตอน 4-5 ทุ่มของคืนวันที่ 27 พฤศจิกายนตนได้ทำหน้าที่พาย และอีก2คนทอดแห และช่วงจังหวะที่เกิดเหตุเป็นเวลาประมาน ตี 2-3 หัวรุ่งของวันที่ 28 พฤศจิกายน จังหวะที่เกิดเหตุมีพายุฝนตกลงมาเป็นระยะๆ น้ำค่อยข้างเชี่ยว นายคมน้อยฯ ผู้สูญหายได้บอกว่าน้ำเข้าเรือแล้ว สักพักเรือก็คว่ำ ทั้ง 3 คนต่างว่ายตะเกียกตะกาย ตนได้คว้าตัวนายคมน้อย (ผู้สูญหาย) อยู่จนเริ่มหมดแรงทั้งคู่ จนหลุดมือจากกัน จากนั่นตนคว้าขอนไม้เกาะได้ และใช้ไฟฉายส่องขอความช่วยเหลือจากเรือหาปลาของชาวบ้านจนสามารถช่วยขึ้นบนเรือได้2คน และส่องไฟหาดูนายคมน้อย แต่ไร้วี่แววจึงกลับขึ้นฝั่งเพื่อแจ้งญาติและขอความช่วยจากกู้ภัยเข้าค้นหาดังกล่าว
ล่าสุดเมื่อช่วงสายของวันนี้ ชุดประดาน้ำกู้ภัยพัทลุงได้ลงสำรวจและนำผู้รอดชีวิตมาชี้จุดเกิดเหตุที่เรือคว่ำ และได้ลงดำสำรวจดูความลึก คาดว่าระดับน้ำมีความลึกประมาน 14 เมตร ซึ่งยากต่อการค้นหา จึงยุติการค้นหาและประสานชุดประดาน้ำจากมูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ จ.นครศรีฯ และมูลนิธิร่มไทร จ.สตูลมาสนับสนุนและจะทำการวางแผนอีกครั้งก่อนลงพื้นที่ค้นหาต่อไปฝนตกดินสไลด์ ขวางถนนไปสนามบินนราธิวาส แขวงการทางฯเร่งกวาดดิน
ดินสไลด์ปิดทางไปสนามบิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องติดต่อหลายวัน ส่งผลให้ดินสไลด์ปิดถนนสายบายพาส สายแยกบ้านยาโง๊ะ – สนามบินบ้านทอน ช่วงบ้านยือราแป ม.2 อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ที่จะมุ่งหน้าสนามบินนราธิวาส เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนราธิวาส จัดส่งเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกล เข้าดำเนินการเก็บเศษดิน ออกจากผิวถนน พร้อมได้ล้างทำความสะอาด ผิวถนน
ด้านนาย เจษฏา สุวรรณรัตน์ หัวหน้าหมวดทางหลวงยี่งอ แขวงทางหลวงนราธิวาส เปิดเผยว่า เนื่องจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำที่อุ้มอยู่ใต้ดินไหลผ่านบริเวณดังกล่าว และทรายที่ถมสร้างถนนโดนน้ำชะล้าง โดยเป็นการทรุดตัวแบบลงไปด้านล่าง แต่ไม่ได้ออกไปด้านข้าง เนื่องจากมีกำแพงคอนกรีตกั้นดินเอาไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จากแขวงการทางนราธิวาส ได้เร่งเก็บเศษดิน ออกจากผิวถนน พร้อมได้ล้างทำความสะอาด ผิวถนน เพื่อให้สามารถใช้ถนนเส้นทางนี้ได้เป็นการชั่วคราว พร้อมติดป้ายเพื่อเตือนอันตราย
ยะลายังต้องเฝ้าระวังฝน
เช้าวันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดยะลา ว่า สภาพอากาศดีขึ้นท้องฟ้าโปร่ง ไม่มีฝนตกลงมา และ มีแสงแดดอ่อนๆ ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำสายบุรีและแม่น้ำปัตตานี ค่อยสบายใจขึ้นเนื่องจากน้ำในแม่น้ำเริ่มที่จะอ่อล้น แต่หากฝนไม่ตกลงมาอีก ก็จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น สำหรับพื้นที่บางส่วนที่เป็นที่ลุ่ม เช่น ในพื้นที่ ม.1 ต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา ได้มีน้ำท่วมขังและทำให้บ้านเรือนราษฏรจำนวน 30 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อน ซึงขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอยะหา เข้าพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไปแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี