รอง ผบช.ภ.7 ลงพื้นที่ สภ.สังขละบุรี ติดตามคดี ทหารจับ 2 ชายหญิงนำ จยย.5 คันซุกรถยนต์ตู้ก่อนเปิดห้องประชุมถกแก้ปัญหา ส่วนกรณีประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ชี้เบาะแสมี จนท.ตร.เกี่ยวข้อง ยันหากพบเป็นจริง ฟันไม่เลี้ยงแน่นอน
ความคืบหน้ากรณี พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ และ พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ได้มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ที่รับผิดชอบแนวชายแดนไทย-เมียนมา ลาดตระเวนเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิด ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
ต่อมา ร.ท.ศุภกฤต ทรัพย์เจริญ ผบ.มว.ลว.ฉก.ลาดหญ้า และ ส.อ.พงษ์ดนัย จันทแก้ว พร้อมกำลัง ได้จับกุมนายสกล จูค้า อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 416 หมู่ 3 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และ น.ส.เดือนฉาย ดังตราชู อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์สภาพใหม่จำนวน 5 คันซุกซ่อนอยู่รถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีบอรนซ์ หมายเลขทะเบียน ฮย 4717 กทม.
จากนั้น พ.ต.ท.ฐิติกร วันเจริญพันธุ์ รอง.ผกก.ป.สภ.สังขละบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน นำตัวนายสกล น.ส.เดือนฉาย เดินทางไปตรวจค้นบ้านพัก ปรากฎพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน-เทา ทะเบียน ป้ายแดง 1-673 นครปฐม จำนวน 1 คัน โดยนายสกล ให้ข้อมูลว่า เป็นรถที่ซื้อให้ภรรยาไว้ใช้โดยใช้ชื่อหลานที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.ไทรโยค เป็นคนเช่าซื้อ เนื่องจากไม่สามารถใช้เชื่อตนเองและภรรยาเช่าซื้อได้ เนื่องจากติดแบล็กลิสของบริษัทไฟแนนซ์ เจ้าหน้าที่จึงยึดเอาไว้ตรวจสอบ ก่อนนำรถทั้งหมดไปเก็บไว้ที่ สภ.สังขละบุรี
วันเดียวกันในเวลา 21.00 น. พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้เดินทางมายัง สภ.สังขละบุรี เพื่อสอบปากคำนายสกล จูค้า และ น.ส.เดือนฉาย ดังตราชู ด้วยตนเอง ก่อนที่จะเรียกประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี และ ร.ท.ศุภกฤต ทรัพย์เจริญ ผบ.มว.ฉก.ลาดหญ้า หน.ชุดจับกุมเพื่อวางแผนขยายผลการจับกุม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น วันนี้ 30 ธ.ค.63 พล.ต.ต.กษณะ แจ่มสว่าง รอง.ผบช.ภ.7 ได้เดินทางมาประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภจว.กาญจนบุรี นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี พ.ต.อ.วิสูตร สถิตย์ ผกก.สภ.สังขละบุรี พ.ท.ทัชนวินทร์ แสงลับ รอง.เสธ.ร.19 ร.ท.ศุภกฤต ทรัพย์เจริญ ผบ.มว.ลว.ฉก.ลาดหญ้า ตัวแทนด่านศุลกากร สังขละบุรี ตม.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.ที่134 ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.สังขละบุรี จนกระทั่งเวลา 13.30 น.การประชุมจึงแล้วเสร็จ
โดย พล.ต.ต.กษณะ แจ่มสว่าง รอง.ผบช.ภ.7 เปิดเผยภายหลังว่า จากการลงพื้นที่มาติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารพบว่าแม้จะมีความเป็นไปได้ว่ารถจักรยานยนต์ที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้จะมีการส่งไปยังชายแดนเพื่อนำไปขายยังประเทศเพื่อบ้าน
แต่พื้นที่การจับกุมอยู่ห่างจากชายแดนกว่า 28 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องนำมาพิจารณาและเป็นช่องว่างของกฎหมายที่ขบวนการลักลอบนำรถออกไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้าน ที่ผ่านมาผู้ที่ถูกจับกุมมักใช้เป็นข้ออ้าง แต่จากการทำงานของทีมสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 7 ทำให้ทราบว่ามีการไปเช่าซื้อรถจากบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ราชบุรี ก่อนมีการนำไปจำนำ ซึ่งเป็นการเจตนายักยอก จึงแนะนำให้บริษัทไฟแนนซ์ เดินทางไปแจ้งความผู้เช้าซื้อในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ โดยได้มอบหมายให้ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ผกก.สภ.สังขละบุรี และพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหารับของโจร แก่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเพื่อดำเนินการส่งฟ้องศาลต่อไป
พล.ต.ต.กษณะ แจ่มสว่าง รอง ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า จากการออกมาเปิดเผยข้อมูลของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ส่งไปขายยังประเทศเพื่อบ้านนั้น หากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือข้าราชการคนใด เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ตนเองจะนำตัวมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ขอให้ประชาชนสบายใจได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี