ฉบับที่แล้วผมทิ้งท้ายขอต่อความยาวในเรื่องข้าวๆ เพื่อเสนอไอเดียรวมทั้งสร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อสาธารณชน โฟกัสไปที่สาเหตุที่ทำให้ผลผลิตเฉลี่ยข้าวไทยต่ำกว่าเพื่อนบ้าน และแนวคิดการตั้งชื่อพันธุ์ข้าวหอมมะลิ ทั้งนี้ ก็เพื่อหวังจะให้เกิดประโยชน์สำหรับผู้สนใจ หรือผู้เกี่ยวข้องในอันที่จะยกเอาไอเดียที่กล่าวมาพิจารณาเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวนาไทย หลายท่านยังไม่เคยอ่าน หากสนใจก็ลองไปค้นหาดูในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์แนวหน้าครับ
ผมขออนุญาตมาต่อความยาวสาวความยืดเรื่องข้าว ในประเด็นต่อมา คือ เรื่องของการควบคุมหรือการรับรองพันธุ์ข้าวครับ แต่ก่อนที่จะเขียนต่อไป ขอทำความเข้าใจท่านผู้อ่านเพื่อความชัดเจนแจ่มแจ้งและเข้าใจตรงกันก่อนสักนิดว่า คำว่า “พันธุ์” หมายถึง ชื่ออันเป็นนามธรรมของชนิดพันธุ์ข้าวที่เราใช้เรียกกัน ตรงกับภาษาอังกฤษว่า variety เช่น ข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105, พันธุ์ปทุมธานี 1, พันธุ์ กข43 อันนี้ย่อมแตกต่างจาก คำว่า “เมล็ดพันธุ์”หรือ seed ซึ่งมีลักษณะทางรูปธรรม คือตัวเมล็ดข้าวเปลือกที่ใช้นำไปปลูกขยายพันธุ์ ชาวนาทั่วไปอาจเรียกว่า “ข้าวปลูก” ทั้งนี้ เนื่องจากมักมีการใช้คำว่า “พันธุ์” กับ “เมล็ดพันธุ์” อย่างสลับสับสนปะปนไปมา จนกระทั่งได้สร้างความเข้าใจผิดหรือผิดใจกันอยู่เสมอๆ
ใครที่พอจำได้เมื่อสักสองสามปีที่ผ่านมาสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้เตรียมที่จะออกกฎหมายฉบับหนึ่ง มีบทบัญญัติหลายอย่างเกี่ยวกับข้าว และก็มีบทหนึ่งที่ต้องการสร้างกฎเกณฑ์และมาตรฐานใหม่ให้กับ “พันธุ์ข้าว” (ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์นะครับ) ที่เลือกเอามาปลูกในนา คือเห็นสมควรที่จะให้มีการควบคุม “พันธุ์ข้าว” โดยมองว่าปัจจุบันเรามีแต่กฎหมายควบคุม “เมล็ดพันธุ์” (ซึ่งเป็นเรื่องของการควบคุมเมล็ดพันธุ์ให้มีคุณภาพบริสุทธิ์ตรงตามมาตรฐาน ความงอกดี) และมีกฎหมายคุ้มครอง “พันธุ์” (ซึ่งเป็นเรื่องของสิทธิบัตรคุ้มครองความเป็นเจ้าของให้แก่ผู้คิดค้นพันธุ์พืชใหม่) แต่ทว่าในเรื่องของการควบคุมชนิดพันธุ์ข้าวที่ใช้ปลูกนั้น ยังไม่มี จะมีก็เพียงระเบียบกรมการข้าวใช้เพื่อการรับรองพันธุ์ข้าวตามความสมัครใจ หมายถึง ถ้าใครหรือหน่วยงานใดก็ตามที่ค้นคว้าวิจัยพันธุ์ข้าวชนิดใหม่ได้ และประสงค์จะให้พันธุ์ข้าวนั้น ได้รับการรับรองพันธุ์ ก็สามารถมายื่นขอรับรองพันธุ์ข้าวใหม่นั้นได้ที่กรมการข้าว โดยมีถ้ามีคุณสมบัติครบถ้วนและผ่านกระบวนการพิสูจน์ทดลองตามวิธีการที่กำหนดจนพบว่าได้มาตรฐานแล้ว พันธุ์ข้าวพันธุ์ใหม่นั้นก็จะได้รับการรับรอง ซึ่งกรมการข้าวจะมีการจดบันทึกไว้ในทะเบียน และออกใบประกาศนียบัตรให้ การรับรองที่ว่านี้ถือว่าเป็นการควบคุมพันธุ์ข้าวไปในตัว แต่กระนั้น ผู้ที่คิดค้นพันธุ์ข้าวดังกล่าว หากไม่ประสงค์จะขอรับรองพันธุ์ตามระเบียบดังกล่าว ก็ไม่มีการบังคับให้ต้องนำพันธุ์ข้าวนั้นมาผ่านการรับรองแต่ประการใด สามารถนำพันธุ์ข้าวออกไปผลิตเมล็ดพันธุ์ปลูกหรือขายได้เลยตามใจชอบ
ประเด็นการรับรองพันธุ์ข้าวนี้ ฝ่ายที่ต้องการควบคุมได้เสนอให้กำหนดไว้ในกฎหมายที่กำลังยกร่างเลยว่า พันธุ์ข้าวที่คิดค้นได้มาใหม่นั้น ต้องนำมาผ่านการรับรองพันธุ์ข้าวโดยกรมการข้าวก่อน จึงจะสามารถนำออกไปผลิตเมล็ดพันธุ์เพื่อจำหน่ายเชิงการค้าให้ชาวนานำไปปลูกได้ ทั้งนี้ โดยมีเหตุผลสนับสนุน คือข้าวพันธุ์ต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นใหม่ หากปราศจากการศึกษาตรวจสอบจัดทำรายละเอียดในทุกด้าน เช่น พ่อแม่พันธุ์ แหล่งที่มา และมีการปลูกทดลองดูถึงคุณสมบัติต่างๆ ทั้งดีและไม่ดี ก็จะทำให้ขาดข้อมูลพันธุ์ข้าวทั้งในส่วนของประวัติสายพันธุ์ พฤติกรรมทางชีววิทยา และอื่นๆ เสี่ยงที่จะนำไปสู่ปัญหาการปะปนพันธุ์ ความไม่สม่ำเสมอของผลผลิต การระบาดของโรคแมลง ข้าววัชพืช/ข้าวเมล็ดสั้น จนอาจมีผลต่อความบริสุทธิ์ของสายพันธุ์ที่ดีและคงที่ แต่ฝ่ายไม่เห็นด้วยก็คัดค้านว่าการค้นคว้าวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยควรเป็นอิสระ จะช่วยให้ประเทศไทยมีพันธุ์ข้าวใหม่ๆ ได้มากขึ้น พันธุ์ข้าวใดไม่ดีจริงหรือตลาดไม่ต้องการก็จะค่อยๆ หายไปเอง การควบคุมอาจทำให้เกิดการผูกขาดขายพันธุ์ข้าวโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ ฟังเหตุผลดูแล้วก็น่าติดตามอยู่คงต้องขยายความต่อคราวหน้าละครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี