14 มกราคม 2564 เวลา 09.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และคลื่นลมแรงในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ยะลา นราธิวาส และปัตตานี รวม 32 อำเภอ 193 ตำบล 1,047 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 68,315 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 4 ราย ผู้บาดเจ็บ 3 ราย ปิดจุดอพยพแล้วทุกจุด เนื่องจากประชาชนสามารถกลับเข้าที่พักอาศัยได้แล้วทั้งหมด
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังใน 2 จังหวัด ได้แก่ ยะลา และปัตตานี ซึ่ง ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมและสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรงประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งสหพันธรัฐมาเลเซีย ทำให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และคลื่นลมแรง ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2564 - ปัจจุบัน (14 มกราคม 2564 เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และดินสไลด์ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ยะลา นราธิวาส และปัตตานี รวม 32 อำเภอ 193 ตำบล 1,047 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 68,315 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 4 ราย (ยะลา 2 ราย สงขลา 1 ราย ปัตตานี 1 ราย) ผู้บาดเจ็บ 3 ราย (สงขลา 2 ราย ปัตตานี 1 ราย) ปิดจุดอพยพแล้วทุกจุด เนื่องจากประชาชนสามารถกลับเข้าที่พักอาศัยได้แล้วทั้งหมด
ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก 2 จังหวัด รวม 5 อำเภอ 32 ตำบล 91 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,642 ครัวเรือน ดังนี้ ยะลา น้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองยะลา และอำเภอเบตง รวม 6 ตำบล 7 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,562 ครัวเรือน ปัตตานี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปัตตานี อำเภอแม่ลาน อำเภอหนองจิก และอำเภอยะรัง รวม 26 ตำบล 84 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,080 หมู่บ้าน
ภาพรวมสถานการณ์อุทกภัยทั้ง 2 จังหวัด ระดับน้ำลดลง ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยระดมเครื่องจักรกลและเครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่ เพื่อเร่งระบายน้ำและให้การดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจพื้นที่และประเมินความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ประชาชนในพื้นที่อ.เบตง จ.ยะลา ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน และผู้สูงอายุ ยังแห่ลงทะเบียนเราชนะ ที่ธนาคารกรุงไทยสาขาเบตง แม้จะมีการขยายระยะเวลาลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ของประเทศไทย จากกรณีตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร พบผู้ป่วยรายแรกตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2563 และ
14 ก.พ.64 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายแพทย์วิทยา วัฒนเรืองโกวิทนายแพทย์สาธารณสุขจังหวั
10 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 08.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 64 -ปัจจุบัน เกิดวาตภัยและลูกเห็บตกในพื้นที่ 5 จังหวัดภาค
9 ก.พ. 64 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 64-ปัจจุบัน เกิดวาตภัยและลูกเห็บตกในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน
เช็คบิลแก๊งลอบโค่นป่า‘เทือกเขาสันกาลาคีรี’ชายแดนไทย-มาเลเซีย เสียหาย 50 ไร่
‘เบตง’เข้มหลังพบ 11 อดีตผู้ต้องขังกลับจากมาเลเซียติดโควิด หวั่นนำเข้าเชื้อจากเรือนจำ
18 มกราคม 2564 จังหวัดปัตตานีรายงานสถานการณ์ โควิด-19 ระลอกใหม่จังหวัดปัตตานีประจำวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา ตรวจไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด19 จากกรณีปัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี