ตำรวจเปิดวงจรปิดเก็บหลักฐาน! สิบเวรหื่นข่มขืนผู้ต้องหาหญิงเมียนมา

ตำรวจเปิดวงจรปิดเก็บหลักฐาน! สิบเวรหื่นข่มขืนผู้ต้องหาหญิงเมียนมา

วันศุกร์ ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564, 14.44 น.

15 มกราคม 2564 จากกรณีที่ ด.ต.วัชรินทร์ สินสโมสร ผบ.หมู่งานสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่สิบเวรประจำ สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ก่อเหตุข่มขืน น.ส.โม(นามสมมุติ) อายุ 21 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องขังต่างด้าวรอผลักดันกลับประเทศ ซึ่งได้ถูก ด.ต.วัชรินทร์ สินสโมสร นำตัวจากห้องควบคุมตัวไปบังคับข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่13 มกราคม 2564 เวลาประมาณ 01.40 – 02.30 น.ในวันดังกล่าว

หลังจากเกิดเหตุ พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ 14/64 ลงวันที่ 14 มกราคม 2564 ให้ ด.ต.วัชรินทร์ สินสโมสร ผบ.หมู่งานสืบสวน ที่ทำหน้าที่สิบเวร สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ออกจากราชการพร้อมมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง โดยมี พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เป็นหัวหน้า เข้าสอบสวนวินัยโดยให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ต่อมา ด.ต.วัชรินทร์ สินสโมสร ผบ.หมู่งานสืบสวน ผู้ต้องหา ได้ยื่นหลักทรัพย์จำนวนเงิน 4 แสนบาท ประกันตัวในชั้นฝากขังต่อศาลจังหวัดเกาะสมุย โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวดังกล่าว


ล่าสุด พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้เดินทางมาที่ สภ.บ่อผุด ร่วมประชุมรับฟังรายงานจากเหตุดังกล่าวจาก พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด จากนั้นได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในห้องควบคุมขัง และได้พูดคุยกับญาติของ น.ส.โม ถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้น พ.ต.อ.ธาดา เพชรกาฬ ผกก.พิสูจน์หลักฐาน 8 ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าเก็บหลักฐานบริเวณโซฟาที่ใช้ก่อเหตุข่มขืนในครั้งนี้อย่างละเอียด

โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งภายในห้องควบคุมผู้ต้องหา และบริเวณด้านในอาคาร พบว่า ด.ต.วัชรินทร์ สินสโมสร ปฏิบัติหน้าที่สิบเวรดูแลผู้ต้องขัง ได้เดินเข้าห้องควบคุมพร้อมกับปิดไฟ จากนั้นได้ใช้กุญแจไขห้องควบคุมนำตัว น.ส.โม (นามสมมุติ) หญิงสาวสัญชาติเมียนมา ออกจากห้องควบคุมมายังห้องศูนย์จราจร สภ.บ่อผุด จากนั้นได้ลงมือข่มขืน น.ส.โม จนสำเร็จความใคร่ ก่อนที่จะนำตัวกลับไปขังภายในห้องควบคุมตามเดิม

เรื่องดังกล่าวพล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้แถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองได้มีคำสั่งให้ผู้ก่อเหตุออกจากราชการพร้อมทั้งคณะกรรมการดำเนินการทางวินัยร้ายแรง และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้กระทบกับภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจะดำเนินเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว และเฉียบขาด พร้อมคืนความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ถูกกระทำ

สำหรับในชั้นพนักงานสอบสวนได้มีการคัดค้านการประกันตัวผู้ถูกกล่าวหารายนี้แล้ว แต่การที่ได้รับการประกันตัวออกมานั้นเป็นดุลพินิจของศาลที่มีความเมตตาต่อผู้ถูกกล่าวหารายนี้ โดยจะมีการเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น โดยมีรองผู้บังคับการ และผกก.สภ.บ่อผุด ในเรื่องของการดำเนินคดี เรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาได้ให้ความสำคัญ โดยตนเองได้กำชับมีการดูแลความประพฤติและประวัติของข้าราชการตำรวจทุกนาย เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ 24 ชั่วโมงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นก็ต้องมีมาตรการแก้ไขที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่นายสุธีรวัชร์ เจริญวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สั่งการให้สำนักงานยุติธรรมอำเภอเกาะสมุยเข้าพบหญิงสาวผู้เสียหายสัญชาติเมียนมา ที่ถูกสิบเวร สภ.บ่อผุด ข่มขืน เพื่อรวบรวมถามรายละเอียดพร้อมกับแจ้งสิทธิ์เพื่อรับการเยี่ยวยา เนื่องจากเป็นเป็นผู้เสียหายตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 เพื่อยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือในการเยี่ยวยามายังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้คณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายจังหวัดสุราษฎร์ธานี พิจารณาค่าตอบแทนเพื่อบรรเทาความเสียหายให้หญิงสาวเมียนมารายนี้ต่อไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top