28 มกราคม 2564 นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยภาพและข้อมูลลงในเพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่า เมื่อวันที่27มกราคม 2564 มีการนำเสนอข่าวพบช้างป่าทำลายพืชสวนและรื้อบ้านประชาชน จนต้องย้ายบ้านหนี ที่บ้านสหกรณ์นิคม หมู่ที่ 1 ต.สหกรณ์นิคม อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
สำหรับกรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 มีช้างป่าประมาณ 50-60 ตัว ได้เคลื่อนย้ายจากพื้นที่สวนป่าทองผาภูมิ ท้องที่ตำบลห้วยเขย่ง เข้ามาหากินในพื้นที่ตำบลท่าขนุน บริเวณป่าบ้านพุยาง หมู่ที่ 1 ป่าบ้านหนองแดง-ป่าบ้านเสาหงส์ หมู่ที่ 2 และป่าบ้านผาอ้น หมู่ที่ 3 (เป็นพื้นที่ในและนอกเขตอุทยานแห่งชาติ)
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ช้างได้เคลื่อนข้ามแม่น้ำแควน้อย (จากฝั่งตะวันตก มายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ) ไปยังป่าบ้านจันเดย์ หมู่ที่ 3 โดยออกหากินและหลบพักอาศัย พร้อมทั้งข้ามแม่น้ำสลับมาโดยตลอด กระทั่งเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 จนถึงปัจจุบันกลุ่มช้างป่าได้เคลื่อนข้ามทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 323 (กาญจนบุรี-ทองผาภูมิ) ระหว่างหลัก กม.192-195 ไปยังป่าบ้านองธิ หมู่ที่ 2 ตำบลท่าขนุน และต่อไปยังป่าบ้านสหกรณ์นิคม หมู่ที่ 1 ตำบลสหกรณ์นิคม
ทั้งนี้ในระหว่างการเคลื่อนย้าย ช้างได้กัดกินพืชเกษตร จำพวกกล้วยน้ำว้า มะพร้าว มันสำปะหลัง ถั่ว มะเขือ ที่ปลูกขวางเส้นทาง รวมทั้งที่พักชั่วคราวในสวนยางพารา จำนวน 2 – 3 หลัง (เป็นการรื้อฝาเพื่อหาที่มาของกลิ่น) และทำลายอุปกรณ์ประปาของชาวบ้านในพื้นที่ทำการเกษตร จากการสอบถามประมาณ 200 ไร่ โดยไม่มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
โดยนับแต่ช้างป่าเคลื่อนย้ายจากพื้นที่ป่า เข้าสู่พื้นที่ทำกินของราษฎร เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้ร่วมกับอุทยานแห่งชาติลำคลองงู หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.12 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และราษฎรจิตอาสาในพื้นที่เฝ้าระวัง สังเกตพฤติกรรม และผลักดันเพื่อให้ช้างกลับเข้าสู่ป่าตลอด 24 ชั่วโมง
ในขณะเดียวกันก็ออกประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนเพื่อความปลอดภัยของผู้สัญจรและช้างป่ามาโดยตลอด เนื่องจากช้างป่าดังกล่าวได้ใช้เส้นทางบนถนนสายหลักและสายรอง รวมทั้งแจ้งต่อที่ประชุมประจำเดือนของหมู่บ้านทุกครั้ง
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ได้ทำการแจ้งประชาสัมพันธ์ ให้ราษฎร ที่ได้รับความเสียหายจากช้างป่า ให้ไปยื่นขอรับค่าเสียหาย จากหน่วยงานฝ่ายปกครอง และท้องถิ่น รวมทั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อขอรับความช่วยเหลือตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปแล้ว
นายนิพนธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสาเหตุที่ช้างป่าไม่กลับเข้าพื้นที่ป่า เนื่องจากติดใจในรสชาติพืชเกษตรที่ปลูก มีแหล่งอาหารและแหล่งน้ำที่สมบูรณ์ และความปลอดภัยของลูกช้างที่เกิดใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 ตัว และการเคลื่อนที่ของช้างป่ากลุ่มนี้ คาดว่าเป็นการหาแหล่งที่อยู่และแหล่งหากินใหม่ (เป็นวงรอบของช้างป่า) โดยชุมชนและราษฎรต้องเข้าใจวิถีชีวิตของช้าง และปรับเปลี่ยนเลี่ยงการปลูกพืชเกษตรที่ช้างชอบ ซึ่งในระหว่างนี้เจ้าหน้าที่จะติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี