วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนวัดนวลนรดิศ เขตภาษีเจิญ กทม.เพื่อตรวจความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า
ตนมองว่าในกรุงเทพฯ มีการกระจุกตัวของนักเรียนจำนวนมาก เป็นเพราะค่านิยมที่ทำให้ผู้ปกครองเทความสนใจมาที่โรงเรียนดัง ซึ่งตนมองว่า ศธ.มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างโอกาสให้โรงเรียนมัธยมในกรุงเทพฯที่หลายแห่งมีความพร้อมเรื่องสถานที่ แต่ที่ผ่านมาการจัดการเรียนการสอนอาจจะไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทำให้หมดโอกาสที่จะสร้างความสนใจให้กับผู้ปกครองและนักเรียน
ซึ่งต่อไปนี้ศธ.จะพัฒนาโรงเรียนเหล่านี้ในเขตกรุงเทพฯให้ได้มีโอกาสได้รับการสนับสนุนในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้านดิจิทัลเทคโนโลยี การมีครูสอนภาษาต่างประเทศ รวมถึงมีกระบวนการที่จะยกระดับความรู้ของนักเรียนในวิชาสาขาต่าง ๆ รวมทั้งต้องสร้างบรรยายกาศทางการศึกษาในกรุงเทพฯให้มีความน่าสนใจ และหลังจากนั้นจะเปิดโอกาสให้โรงเรียนสามารถดึงผู้สนับสนุนเข้ามาช่วยสนับสนุนการศึกษาต่อไป
นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า ขณะนี้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยังเป็นปัญหาอยู่จะต้องปรับและพัฒนาโดยคำนึงถึงอนาคต ทักษะ ความสนใจ ความสามารถเฉพาะตัวของเด็กด้วย เพราะปัจจุบันเราเอามาตรฐานการศึกษามาครอบความสามารถของเด็กทุกคน โดยพยายามจะวัดความสามารถเด็กให้เท่าเทียมกัน ซึ่งตนมองว่าเมื่อเด็กเข้าเรียนในระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย ก็มีความต้องการ มีความสามารถ มีทักษะที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ถ้า ศธ.สร้างความยืดหยุ่นทางการศึกษา จะได้คุณภาพของการศึกษามากขึ้น เพราะเด็กจะได้รับการสนับสนุนตามทักษะ ตามความสนใจ และความสามารถของเด็กแต่ละคน เรื่องเหล่านี้ ศธ.ต้องผลักดันในการปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานภายในปีการศึกษา 2565 นี้
"หากผลักดันให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคลได้ จะทำให้โรงเรียนมีโอกาสที่จะพัฒนาความสามารถของตน โดยโรงเรียนจะต้องจัดทำแนวทางนำเสนอเพื่อขอให้ศธ.สนับสนุน วันนี้โรงเรียนยังมีข้อกังวลอยู่ว่าทุกอย่างจะต้องอยู่ในกรอบ อยู่ในกติกาของ ศธ. เลยทำให้โอกาสที่โรงเรียนจะคิดและฝันไปในแนวทางที่อยากจะเป็นมีข้อจำกัดอยู่ ส่วนเรื่องการเรียนการสอนออนไลน์ก็มีเสียงสะท้อนจากเด็กที่แตกต่างกัน มีทั้งคนชอบเรียนออนไลน์ และมีคนอยากไปเรียนที่โรงเรียน ซึ่งในอนาคตการเรียนการสอนต่อไปจะเป็นในรูปแบบผสมผสานกัน เช่น เรียนในห้องเรียนและเรียนออนไลน์ เป็นต้น เพราะเราไม่รู้ว่าปัญหาและวิกฤติต่าๆจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นเราต้องทำความคุ้นเคยและปรับตัวให้ได้" นายณัฏฐพล กล่าว
นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า ส่วนภาพรวมของแผนการศึกษาในกรุงเทพฯ จะเป็นอย่างไรนั้น ตนมองว่าทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และ กรุงเทพมหานคร ต้องหารือถึงแผนการพัฒนาการศึกษาร่วมกัน เพราะเราต้องพยายามสร้างโอกาสให้นักเรียนทุกคนได้รับคุณภาพอย่างเต็มที่ เช่น ในเขตต่างๆ จะต้องไปดูว่าต้องการพัฒนาด้านการศึกษาอย่างไร ซึ่งจะทำให้เราวางแผนการศึกษาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะเราต้องการใช้งบประมาณของรัฐอย่างมีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี