ตร.ขุดรากถอนโคนแก๊งลอบขนต่างด้าว ตะครุบเอเย่นต์ทั่วประเทศ‘เหนือจรดใต้’
15 กุมภาพันธ์ 2564 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) , พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. หัวหน้าคณะทำงานสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย , พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองหัวหน้าคณะทำงานฯ , พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) แถลงผลปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศไทย ในห้วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม-11 กุมภาพันธ์ 2564 (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : จับ'เจ๊เพชร'เอเย่นต์ใหญ่ฝั่งไทย ขนแรงงานเมียนมาส่งตลาดกลางกุ้ง)
ทั้งนี้ จับกุมต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 396 ราย , จับกุมผู้นำหรือพาคนต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย 29 ราย , จับกุมผู้ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น คนต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย 91 ราย , ระดมกวาดล้างขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวตามหมายจับ(CCOC) 19 หมาย , สืบสวนขยายผลขบวนการ/เครือข่ายนำพาแรงงานต่างด้าวมากกว่า 10 ขบวนการ/เครือข่าย , ยึดรถของกลางที่ใช้ในการนำพา 22 คัน
นอกจากนี้ ได้ดำเนินการตรวจสอบและติดตามข้อร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนผ่านสายด่วน 1111 จำนวน 9 เรื่อง ผลการปฏิบัติ จับกุมคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือสิทธิ 2 ราย (ระยอง) คนต่างด้าวไม่รายงานตัว 90 วัน 1 ราย (กทม.) และคนไทยไม่แจ้งที่พักอาศัยคนต่างด้าว 2 ราย (กทม.และราชบุรี) ในขณะเดียวกัน ยังได้ดำเนินการจัดตั้งจุดตรวจ-จุดสกัดเพื่อป้องกันแรงงานต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองอีกจำนวนทั้งสิ้น 30 จุด
ขณะเดียวกันคณะทำงานฯ ได้ดำเนินการรวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับขบวนการลักลอบขนแรงงงานต่างด้าว โดยร่วมบูรณาการด้านการข่าวกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ ศูนย์รักษาความปลอดภัย และหน่วยข่าวกรองทหาร เพื่อทลายเครือข่ายขนแรงงานข้ามชาติเพิ่มเติม จนปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มขบวนการขนแรงงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้ปฏิบัติการกวาดล้างปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ระหว่างวันที่ 8-11 กุมภาพันธ์ 2564 คณะทำงานฯ พร้อมหน่วยงานในสังกัด ตร.และหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมตรวจค้นจำนวน 21 จุด ในพื้นที่ 9 จังหวัด ดังนี้
# ภาคกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่แรงงานต่างด้าวต้องการเข้ามาประกอบอาชีพ เป็นตลาดแรงงาน และเป็นแหล่งพักพิงของแรงงานต่างด้าวก่อนที่จะกระจายไปพื้นที่ชั้นในของประเทศ รวมถึงเป็นที่พักพิงของคนต่างด้าวบางกลุ่ม เช่น โรฮีนจาที่ต้องการเดินทางผ่านแดนไปมาเลเซีย เป็นต้น
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 บก.สส.สตม.ได้จับกุมตัว นางราตรี หรือเจ๊เพชร (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาในความผิดฐาน “นำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ” ซึ่งเครือข่ายเจ๊เพชรนี้ เป็นเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในการนำเข้า-ส่งออกแรงงานเมียนมาเข้าสู่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเกี่ยวพันกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ในครั้งนี้ นอกจากนั้นยังได้ดำเนินการตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเจ๊เพชร ได้ตรวจยึดทรัพย์สินและเอกสารสำคัญต่างๆ ตลอดจนได้จับกุม นายสมชาย (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเกี่ยวกับ พรบ.คนเข้าเมือง เพิ่มเติมอีกด้วย
# ภาคใต้ เครือข่ายกะพ้อ ยะหริ่ง ต่อเนื่องโรฮีนจาเจ๊ดา ดอนเมือง ได้ปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช , ยะลา และนราธิวาส โดยได้ดำเนินการปิดล้อม จำนวน 7 จุด สามารถจับกุมในความผิดฐาน “ร่วมกันนำ หรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ, ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น ด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวฯ” ผู้ต้องหาจำนวน 10 ราย ตามหมายจับ มีทั้งบุคคลสัญชาติไทย และสัญชาติเมียนมา ตรวจยึดของกลางไว้ตรวจสอบดังนี้ 1.โทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 10 เครื่อง 2.รถยนต์ จำนวน 7 คัน และ 3.สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร จำนวน 14 เล่ม
สำหรับเครือข่ายกะพ้อ ยะหริ่ง ข้างต้นนี้ ทำหน้าที่นำเข้าและส่งออกแรงงานเมียนมาระหว่างไทยมาเลเซีย และประสานงานกับเครือข่ายที่พักและขนส่งแรงงานในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งคณะทำงานฯ ได้จับกุมเครือข่ายโรฮีนจาเจ๊ดา ดอนเมือง ไว้ก่อนหน้าแล้ว
# ภาคตะวันออก โดยเครือข่ายจันดีภาคตะวันออก เป็นขบวนการลักลอบนำเข้าและส่งออกแรงงานเขมรระหว่าง จ.จันทบุรี และ จ.สระแก้ว ของไทย กับ จ.บันเตียเมียนเจย กัมพูชา โดยได้ดำเนินการกับ 2 เครือข่ายสำคัญ
จ.จันทบุรี 1 จุด บ้านของเป้าหมายใน ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ภายในบ้านไม่พบบุคคลเป้าหมาย แต่พบโทรศัพท์มือถือและรถยนต์จำนวน 13 คัน ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการขนแรงงานกัมพูชา จึงได้นำโทรศัพท์มือถือมาเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อสืบสวนหาความเชื่อมโยงอื่น ๆ
จ.สระแก้ว 1 จุด บ้านเป้าหมาย ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว สามารถจับกุม นายวีระวัฒน์ (สงวนนามสกุล) สัญชาติไทย และนายชูชาติ (สงวนนามสกุล) สัญชาติไทย ซึ่งทำหน้าที่ขับรถขนคน พร้อมจับกุมแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จำนวน 12 คน พร้อมของกลาง 1.รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน 9กง 8659 กทม.และ 2.รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีเทา ทะเบียน ฌป9441 กทม. โดยแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้งหมดว่ากระทำความผิดฐาน “ขัดคำสั่งจังหวัดสระแก้วที่ 944/2563 เรื่อง ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว, กระทำการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548”
# ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เครือข่ายเจ๊ดา มุกดาหาร และเครือข่ายสุรินทร์ โดยพื้นที่ดังกล่าว เป็นขบวนการลักลอบนำเข้าและส่งออกแรงงานลาว โดยผิดกฎหมาย ผลการปฏิบัติในพื้นที่
จ.มุกดาหาร เครือข่ายเจ๊ดา จำนวน 2 จุด โดยได้ตรวจค้นบ้านในพื้นที่ ถ.สำราญชายโขงเหนือ ต.มุกดาหาร อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร และโกดังไม่ทราบเลขที่ บ้านนาโปกลาง ต.มุกดาหาร อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร ผลการตรวจค้นสามารถจับกุม นายไพฑูรย์ (สงวนนามสกุล) สัญชาติไทย และคนต่างด้าวสัญชาติลาว จำนวน 3 คน โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนไทยไม่เข้า-ออกราชอาณาจักรตามช่องทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานีหรือท้องที่ตามที่กฎหมายกำหนด” และ “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
จ.สุรินทร์ 1 จุด จับกุม นายกฤษดา สาขามุละ ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 36/64 ลง 9 ก.พ.64 ในความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น ด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวฯ”
# ภาคเหนือ ดำเนินการกับเครือข่ายอาต๋า จ.เชียงราย และเครือข่ายเจ๊อ้อย จ.ตาก โดยได้ดำเนินการตรวจค้นในพื้นที่ จ.เชียงราย เครือข่ายอาต๋า จำนวน 2 จุด และเครือข่ายเจ๊อ้อย จำนวน 6 จุด ผลการตรวจค้นไม่พบเป้าหมาย แต่พบรถยนต์จำนวน 6 คัน สมุดบัญชีธนาคาร 30 เล่ม โทรศัพท์มือถือ จำนวน 25 เครื่อง ซึ่งเกี่ยวกับขบวนการขนแรงงานคนจีน และคนเมียนมาเข้าออกในพื้นที่ จะได้นำพยานหลักฐานขยายผลต่อไป
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่วว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติหน้าท่ด้วยความเข้มแข็ง เคร่งครัดในการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ เห็นผลเป็นรูปธรรม เน้นหนักการสืบสวนขยายผลไปยังขบวนการ เครือข่ายทุกกรณี และห้ามมิให้เจ้าหน้าที่เข้าไปยุ่งเกี่ยว พัวพันกับการกระทำความผิด หากพบข้อบกพร่องจะดำเนินการทางอาญา วินัย และปกครองโดยเฉียบขาดทุกราย ตลอดจนพิจารณาโทษผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี