ศาลอาญาคดีทุจริตภาค 3 พิพากษาตำรวจ 4 นาย จำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท ไม่ระวังปล่อยให้ผู้ต้องหาคดีสำคัญหลบหนีไปได้ ระหว่างเข้าห้องน้ำ

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 กลุ่มงานคณะกรรมการ กองบริหารคดี สำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการ ป.ป.ท.พิจารณามีมติเห็นชอบไม่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ตามความเห็นของพนักงานอัยการ ในคดีที่ได้มีการกล่าวหา ร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ร้อยตำรวจโท ส. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ดาบตำรวจ ท. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และดาบตำรวจ น. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ว่ากระทำการทุจริตในภาครัฐ

กล่าวคือ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่ร่วมกันควบคุมตัวผู้ต้องหาไปถึงสถานีบริการน้ำมัน ระหว่างนั้นผู้ต้องหาขอเข้าห้องน้ำ แต่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่หาได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอไม่ กลับใส่กุญแจมือผู้ต้องหาไว้ทางด้านหน้า และให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และที่ 3 พาไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น ทั้งที่เป็นผู้ต้องหาคดีสำคัญ ผู้ต้องหาจึงอาศัยโอกาสสะบัดตัวหลุดจากการควบคุมและวิ่งหลบหนีไป และไม่สามารถนำตัวกลับคืนมาได้

คณะกรรมการ ป.ป.ท.พิจารณาในคราวประชุมครั้งที่ 89/2562 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 มีมติว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 205 วรรคแรก ประกอบมาตรา 204 พนักงานอัยการยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 พิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 205 วรรคแรก ให้ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 20,000 บาท จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และมาตรา 30 ข้อหาอื่นให้ยก

ทั้งนี้ พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสี่ชอบแล้ว มีคำสั่งไม่อุทธรณ์ คณะกรรมการ ป.ป.ท.พิจารณาเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 มีมติเห็นชอบไม่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ตามความเห็นของพนักงานอัยการ