บุกค้นเครือข่าย‘ช.เล็ก สุโขทัย’ ส่อเข้าข่ายลวงระดมทุน อ้างจ่าย100ได้5แสน
18 กุมภาพันธ์ 2564 จากกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) มีคำสั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง เพื่อสืบสวนกรณีกลุ่มบุคคลชักชวนให้ประชาชนลงทุนโดยอ้างว่ามีผลตอบแทนสูง ในลักษณะการฉ้อโกงประชาชน
ต่อมา พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ดำเนินการสืบสวนต่อกลุ่มขบวนการ “ช.เล็ก สุโขทัย” หรือนายจรณินทร์ หรือนายธีรธัชช์ ซึ่งมีพฤติการณ์ชักชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมลงทุน ในลักษณะระดมทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเบิกเงิน โดยอ้างว่ามีเงินจำนวน 2 แสนล้านบาท จากบัญชีธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง และเสนอให้ผลตอบแทน 5 แสนบาท ต่อการลงทุน 100 บาท และได้รับเงินเดือนอีกเดือนละ 1 หมื่นบาทเป็นเวลา 5 ปี ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อกว่า 1 หมื่นราย และมีการจัดตั้งแม่ทีมออกชักชวนประชาชนทั่วประเทศ ผ่านทางเฟซบุ๊ก และไลน์ เข้าลักษณะความผิดตามพระราชบัญญัติความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ และฉ้อโกงประชาชน
ล่าสุดเช้าวันนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2564) นายปิยะศิริ พร้อมพนักงานสืบสวน กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สนธิกำลังร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 6 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีสัชนาลัย นำหมายศาลจังหวัดสวรรคโลก เข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายที่บ้านหลังหนึ่ง ที่จดทะเบียนเป็นบริษัท ในพื้นที่หมู่ 3 ต.แม่สิน อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ของ “ช.เล็ก สุโขทัย” หลังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจการระดมทุนจำนวนมหาศาล ระดับแสนล้านบาท
เบื้องต้นไม่พบตัวนายธีรธัชช์ หรือ ช.เล็ก สุโขทัย พบเพียงแค่ภรรยาอยู่เท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าไม่ทราบข้อมูลที่สามีเปิดบริษัทแสนล้าน และบ้านหลังนี้ตนอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้อยู่กับสามี แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ ขณะที่การตรวจค้นในบ้าน ไม่พบอุปกรณ์สำนักงาน และไม่มีสภาพเป็นบริษัท หรือประกอบกิจการตามที่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ไว้ พบเพียงเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง เมมโมรี่การ์ดจำนวนหนึ่ง และเอกสารที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ หรือการลงทุนใดๆ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะทำหนังสือสอบถามไปยังกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าว หากพบว่าไม่มีการประกอบธุรกิจจริง จะประสานงานเพื่อทำการยกเลิกใบอนุญาตประกอบธุรกิจต่อไป
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการตรวจค้นบ้าน นายธีรธัชช์ หรือ ช.เล็ก สุโขทัย ได้ติดต่อมาหาเจ้าหน้าที่ บอกว่าวันนี้ไม่สะดวกให้ข้อมูล เนื่องจากทำธุระอยู่ที่กรุงเทพฯ และรับปากว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ อย่างแน่นอน
ด้านนายปิยะศิริ กล่าวว่า ขณะนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นยังไม่ชัดเจน เพราะประชาชนลงทุนผ่านโซเชียล แต่ที่แน่ๆเฉพาะที่ จ.สุโขทัย ที่ร้องเรียนเข้ามามีผู้เสียหายจำนวน 800-2,000 คน จากข้อมูลผู้เสียหายส่วนใหญ่ที่จะโดนอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง แต่ละคนจะนำเงินมาลงทุนตั้งแต่ 100-2,000 บาท ถือเป็นการหลอกทางอินเตอร์เนต
สำหรับรูปแบบของการชักชวนจะพบว่า ชาวบ้านมักจะใช้สมาร์ทโฟนทั่วไป และคนที่เล่นเป็นก็ไปชักชวนคนอื่นๆต่อ และมีการฝากกันลงทุน ซึ่งผู้ต้องหาหลอกชาวบ้านมากว่า 1 ปีแล้ว โดยใช้โฟโต้ช็อบตบแต่งภาพว่ามีเงินอยู่ในบัญชีที่จะใช้ลงทุน 2 แสนล้าน และบอกชาวบ้านว่าลงทุน 100 บาท จะได้เงินคืน 500,000 บาท
“มันมีที่ไหน แต่ชาวบ้านก็เชื่อแบบนี้จริงๆ หรือเรื่องที่อ้างว่าจะไปเทรดในระบบเอไอ คือ เครื่องมือที่ใช้ เทรดที่โมซัมบิค เอาเงินไปลงทุนสกุลเงินดิจิทัล ก็ไม่มี ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีใครเคยได้เงินเลย ผมขอให้ดีเอสไอภาค 6 ไปแจ้งความเอาผิดผู้ต้องหาที่ สภ.ศรีสัชชาลัย 2 ข้อหา คือ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับฉ้อโกงประชาชน ระหว่างนี้ดีเอสไอยังไม่ได้รับเป็นคดี แต่เพื่อระงับไม่ให้เกิดความเสียหายมากมายไปกว่านี้ จึงต้องเร่งเข้าไปดำเนินการเพื่อให้ผู้ต้องหายุติการชักชวน หลังจากนี้ดีเอสไอจะจะทำหนังสือสอบถามไปยังกระทรวงพาณิชย์เพื่อตรวจสอบการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าวว่ามีอยู่จริงหรือไม่ หากพบว่าไม่มีการประกอบธุรกิจจริง ก็จะประสานงานเพื่อทำการยกเลิกใบอนุญาตประกอบธุรกิจต่อไป” ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี