ไร้หลักฐานทำลิ่มเลือดอุดตัน
‘แอสตราฯ’แจงยิบ
ไม่เกี่ยวฉีดวัคซีนต้านโควิด
อนามัยโลกการันตีไม่มีปัญหา
สธ.รอผลสรุปสัปดาห์หน้า
พร้อมปฏิบัติการตามแผนเดิม
ไทยพบป่วยใหม่78ดับอีก1
ศบค. รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 78 คน เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิงสูงวัยที่สมุทรสาคร ด้านอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขระบุ ได้ข้อสรุปวัคซีนแอสตราเซเนกาต้นสัปดาห์หน้า ลั่นแผนฉีดวัคซีนไทยเป็นไปตามเป้า มุ่งหน้าฉีดให้ครบ 63 ล้านโดสในปีนี้ ขณะที่ องค์การอนามัยโลก ชี้ ยังไม่พบความเชื่อมโยงในการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกากับการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน จึงให้ใช้ได้ต่อไป สอดคล้องกับบริษัทแอสตราเซนเนกาในอังกฤษ ที่ยืนยันว่ายังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าวัคซีนนี้เป็นสาเหตุของอาการดังกล่าว
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 78 คน แบ่งเป็นผู้ติดเชิ้อรายใหม่ จากระบบเฝ้าระบบใหม่ 33 คน เป็นการพบการติดเชื้อในชุมชนจากการค้นหาเชิงรุก 34 คน และเป็นผู้ติดเชื้อมาจากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 11 คน มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมรวม 26,757 คน หายป่วยแล้ว 26,086 ราย เสียชีวิตสะสม 86 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิตรายนี้ เป็นหญิงอายุ 56 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน และไขมันในเลือดสูง มีประวัติอาศัยอยู่ใน จ.สมุทรสาคร เริ่มมีอาการป่าย 15 กุมภาพันธ์ มีไข้ ไอ เสมหะ ปวดกล้ามเนื้อ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ เข้ารับการตรวจโควิด-19 พบยืนยันติดเชื้อ และวันที่ 23 กุมภาพันธ์ เริ่มมีอาหารเหนื่อยมากขึ้น ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และอาการแย่ลงเรื่อยๆ จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ขณะนี้ มียอดผู้ป่วยสะสม 119 ล้านคน เสียชีวิต 2,651,645 คน โดยสหรัฐอเมริกา ยังเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยมากที่สุด 29,990,000 คน รองลงมาคือบราซิล 11,360,000 คน และอินเดีย 11,330,000 คน
ได้ข้อสรุปวัแอสตราฯสัปดาห์หน้า
วันเดียวกัน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 และความคืบหน้าหลังจากชะลอฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาในไทย ว่า จากข้อมูลที่ได้รับมาเบื้องต้นพบว่า อาการลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเกิดจากวัคซีนแอสตราเซเนกา ทางกระทรวงสาธารณะสุข กำลังรอผลการศึกษาข้อมูลจากรายงานขององค์การอนามัยโลก(ดับเบิลยูเอชโอ)อีกครั้ง ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนช่วงต้นสัปดาห์หน้า ซึ่งหากผลยืนยันออกมาก็จะเดินหน้าฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาได้ทันที
ยันฉีดวัคซีนระยะแรกปลอดภัย
สำหรับแผนการฉีดวัคซีนของไทย สามารถฉีดไปได้เร็วกว่าแผนที่วางไว้โดยตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์-12 มีนาคม 2564 มีการฉีดไปแล้ว 44,409 โดส ให้กับกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายบุคลากรการแพทย์ อสม. รวมถึงประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง จ.สมุทรสาครและ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังพบการระบาด และยังไม่มีรายงานผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงจากการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด อาการที่พบส่วนใหญ่เป็นอาการไม่รุนแรง จึงมั่นใจได้ว่าการฉีดในระยะแรกนี้มีความปลอดภัย ให้ประชาชนมีความมั่นใจได้
เดินหน้าฉีดให้ครบ63ล้านโดสในปี64
โดยตามแผนการเป้าหมายได้รับวัคซีนของไทย หลังจากที่สั่งซื้อและจะทยอยได้รับ แบ่งเป็นวัคซีนซิโนแวค 2 ล้านโดส แอสตราเซเนกา 26 ล้านโดส และ ครม.อนุมัติให้สั่งซื้อเพิ่มอีก 35 ล้านโดส รวม 63 ล้านโดส ครอบคลุมประชาชนคนไทยจำนวน 30 กว่าล้านคน โดยจะพยายามจัดสรรเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งตามแผนการจัดหาในปี 64 ก็จะทยอยๆ เข้ามา ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ได้รับซิโนแวคมาจำนวน 2 แสนโดส, มีนาคม จะได้รับอีก 8 แสนโดส, เมษายน 1 ล้านโดส ส่วนแอสตราเซเนกา 26 ล้านโดสแรก จากแผนเดิมจะมาในเดือน มิถุนายน 6 ล้านโดส, กรกฎาคม 10 ล้านโดส และ สิงหาคม 10 ล้านโดส แต่ได้รับมาแล้วล่วงหน้า 1 แสนโดส ก็จะต้องปรับแผนและเร่งฉีดให้ประชาชนต่อไป
ส่วนอีก 35 ล้านโดสที่เพิ่งได้รับอนุมัติซื้อนั้น ตามแผนก็จะมาในเดือนกันยายน 10 ล้านโดส, ตุลาคม 10 ล้านโดส, พฤษภาคม 10 ล้านโดส และ ธันวาคมอีก 5 ล้านโดส อย่างไรก็ตามแผนจะต้องมีการปรับตามสถานการณ์ ซึ่งก็จะมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนทุกครั้ง
ส่วนกรณีที่มีผู้ออกมาบอกว่าแผนการฉีดวัคซีนของไทย ล่าช้า ไม่เป็นไปตามที่กำหนดนั้น นพ.โอภาส ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งแผนการจัดสรรวัคซีนของไทย จะฉีดให้ครบตามแผนอย่างน้อย 63 ล้านโดสให้ได้ภายในปีนี้ ต้องยอมรับว่าแผนการฉีดวัคซีนต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ตามการรายงานผลความปลอดภัยของวัคซีนยี่ห้อต่างๆ ซึ่งแผนการฉีดนั้น ได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว ขอร้องให้ผู้ที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงอย่านำเสนอข้อมูลที่บิดเบือน
อนามัยโลกรับรองวัคซีนเจแอนด์เจแล้ว
นายเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ประกาศวานนี้ว่า องค์การนามัยโลก รับรองให้ใช้วัคซีนต้านโควิดของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เป็นการฉุกเฉินได้แล้ว โดยหวังว่าวัคซีนตัวใหม่นี้จะช่วยลดปัญหาการเข้าถึงวัคซีนอย่างไม่เท่าเทียมกันลงได้โดยเฉพาะในประเทศที่มีระบบการควบคุมด้านกฎระเบียบด้านยาและเวชภัณฑ์ไม่แข็งแรง นับเป็นวัคซีนตัวที่ 3 ที่องค์การอนามัยโลกอนุมัติให้ใช้ต่อจากวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ และวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซเนกา
นายบรูซเอลวาร์ด ที่ปรึกษาอาวุโสขององค์การอนามัยโลก กล่าวเสริมว่าวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันจำนวน 500 ล้านโดสจะมาถึงองค์การอนามัยโลกในราวเดือนกรกฏาคม หรืออาจเร็วกว่านี้
การันตีแอสตราฯยังฉีดได้
ในขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา หลังจากหลายประเทศระงับการฉีดวัคซีนขนานนี้เพราะเกรงว่าอาจจะทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน
โดยโฆษกองค์การอนามัยโลกแถลงว่า คณะกรรมการที่ปรึกษากำลังตรวจสอบข้อมูลเรื่องความปลอดภัยที่กำลังส่งเข้ามา ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกันระหว่างการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกากับการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ดังนั้นจึงควรฉีดวัคซีนขนานนี้ต่อไป ส่วนเเรื่องความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยก็จำเป็นต้องตรวจสอบ
ยันไม่ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน
ด้าน บริษัทแอสตราเซนเนกาในอังกฤษ ยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนของบริษัททำให้เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตัน โดยความกังวลเรื่องวัคซีนแอสตราเซเนกาเพิ่มปัญหาเรื่องการจัดสรรวัคซีนให้แก่สหภาพยุโรปหรืออียู สมาชิกอียูอย่างเดนมาร์ก นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ระงับการฉีดวัคซีนขนานนี้ หลังจากมีรายงานประปรายว่า ผู้รับการฉีดเกิดลิ่มเลือดอุดตัน อิตาลี ออสเตรีย และ 5 แคว้นในสเปนห้ามใช้วัคซีนของแอสตราเซนเนกาเป็นบางลอต ขณะที่หลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย แคนาดา ยังคงยืนยันจะใช้ต่อไป
ออสเตรเลียพบติดเชื้ออีก
นางอันนาสตาเชีย ปาลาสชุก มุขมนตรีรัฐควีนส์แลนด์แถลงที่เมืองบริสเบน ว่า พบผู้ป่วยในชุมชนรายแรกของประเทศนับจากวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เป็นแพทย์หญิงที่ประเมินอาการของผู้ป่วยสองคนที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อไม่นานมานี้และติดเชื้อสายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ ทำให้ต้องประกาศให้โรงพยาบาลเป็นพื้นที่จำกัด มีข้อมูลว่าเธอรักษาผู้ป่วยรายอื่นในเวลานั้น และขณะนี้เธอมีอาการของโรคโควิด-19 แล้ว ทางการจึงต้องเร่งติดตามตัวผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสเกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด ดังนั้นโรงพยาบาลทุกแห่งในรัฐนี้จะไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าออกเพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้า
จนถึงขณะนี้ออสเตรเลียมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมแล้วกว่า 29,000 คน เสียชีวิต 909 คน
นิวซีแลนด์จะเปิดพรมแดน
วันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์แถลงทางอีเมล์ว่า จะเปิดพรมแดนประเทศอีกครั้ง โดยจะให้ชาวนีอูเอ ประเทศเกาะเล็ก ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกเดินทางเข้าโดยไม่ต้องกักโรคนับตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม เนื่องจากประเทศนี้ไม่มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 เลยแม้แต่รายเดียวและมีมาตรการด้านพรมแดนเข้มงวด ทำให้สามารถวางใจได้ว่ามีความปลอดภัย
กลุ่มจตุภาคีหรือควอด (Quad) ที่ประกอบด้วย อินเดีย สหรัฐ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย รับปากจะส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่อาเซียน และหลายภูมิภาคภายในสิ้นปีหน้า
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐแถลงหลังจากผู้นำกลุ่มควอดประชุมสุดยอดครั้งแรกวานนี้ตามเวลาสหรัฐว่า อินเดียจะเร่งผลิตวัคซีนโควิดอีกอย่างน้อย 1,000 ล้านโดสภายในสิ้นปีหน้า เป็นความร่วมมือกับสหรัฐ ญี่ปุ่นและออสเตรเลียสร้างพันธกรณีครั้งใหญ่ โดยได้รับปากจะจัดสรรวัคซีนให้แก่อาเซียน อินโด-แปซิฟิก และอีกหลายภูมิภาคภายในสิ้นปี 2565
ทำเนียบขาวแถลงเพิ่มเติมว่า บริษัทไบโอโลจิคัล อี ของอินเดียจะผลิตวัคซีนอย่างน้อย 1,000 ล้านโดส ภายในสิ้นปีหน้า มุ่งผลิตวัคซีนฉีดที่พัฒนาโดยบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันของสหรัฐ โดยจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากบรรษัทการเงินเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ จากญี่ปุ่นจำนวน 41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว1,260 ล้านบาท) และจากออสเตรเลียที่จะสมทบเพิ่มอีก77ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว2,365ล้านบาท) จากเดิม 407 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว12,500ล้านบาท) เพื่อสร้างหลักประกันว่า อาเซียนนอกจากจะได้รับการจัดสรรวัคซีนแล้ว ยังได้รับการฉีดอย่างถูกต้องด้วย
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียทวีตว่า ศักยภาพในการผลิตวัคซีนของอินเดียจะได้รับการส่งเสริมยิ่งขึ้นไปอีกจากญี่ปุ่น สหรัฐ และออสเตรเลีย เพื่อช่วยเหลือประเทศในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก การหารือกันเรื่องวัคซีน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้กลุ่มควอดเป็นกลุ่มพลังบวกเพื่อโลก เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความรุ่งเรืองของอินโด-แปซิฟิก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี