‘สตม.’สรุป 6 ข้อเคลียร์ดราม่ารับโอน 41 ทหารเรือเข้าสังกัด
26 มีนาคม 2564 ความคืบหน้ากรณีที่ปรากฏข้อมูลข่าวสารทางสื่อมวลชน เรื่องการรับโอนข้าราชการทหารเรือมาเป็นข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จำนวน 41 ราย จนเป็นประเด็นที่กล่าวถึงอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (26 มีนาคม 2564) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ทำหนังสือชี้แจงต่อสื่อมวลชน มีเนื้อหาระบุว่า...
1. เมื่อปี พ.ศ.2561 สตม. ได้รับการสนับสนุนเรือยนต์ตรวจการณ์ จำนวน 27 ลำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานตรวจคนเข้าเมืองให้กับหน่วยงานในสังกัด บก.ตม.3 - 6 ที่มีด่าน ตม.ทางน้ำ สำหรับใช้ในภารกิจด้านการสกัดกั้น ป้องกันปราบปราม และสืบสวนขยายผลการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในการประมง การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเพิ่มความเข้มในการตรวจบุคคลและพาหนะ การอำนวยความสะดวกในการบริการคนเข้าเมือง ตลอดจนช่วยสนับสนุนภารกิจการดูแลรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างชาติ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยทางน้ำ
2. ต่อมา อ.ก.ตร. บริหารทรัพยากรบุคคลครั้งที่ 5/2561 เมื่อ 13 พ.ค.61 ได้มีมติอนุมัติการกำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประจำเรือยนต์ตรวจการณ์ ระดับตำแหน่ง ผบ.หมู่ – รอง สว. ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามทางน้ำ กลุ่มสายงานป้องกันปราบปราม ให้กับ ตม.จว./ด่าน ตม.ในสังกัด บก.ตม. 3 – 6 ที่มีด่านทางน้ำ
3. สตม. มีบันทึกเสนอ ตร. ขออนุมัติรับโอนข้าราชการทหารในสังกัด ทร. มารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ในสังกัด เพื่อทำหน้าที่ประจำเรือยนต์ตรวจการณ์ เนื่องจาก สตม. ประสบปัญหาขาดแคลนกำลังพลที่มีความรู้ความชำนาญในการขับเรือและซ่อมบำรุงเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งกำลังพลที่มีประสบการณ์ในด้านการปฏิบัติการทางลำน้ำและทางทะเลในพื้นที่ต่าง ๆ หากได้รับการสนับสนุนกำลังพลในส่วนนี้ ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำงานส่วนใหญ่ไม่น้อยกว่า 10 ปีขึ้นไป มีความพร้อมในการปฏิบัติงานและมีใบอนุญาตนายท้ายเรือตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากจะช่วยให้ประหยัดงบประมาณในการจัดการฝึกอบรมและจัดทำใบอนุญาตนายท้ายเรือเพิ่มเติมให้แก่ข้าราชการตำรวจแล้ว ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายผ่านเส้นทางลำน้ำและทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นการสนองตอบต่อนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐบาลและ ตร. ด้วย
4. ตามข้อ 3 ตร. ได้มีบันทึกลง 9 พ.ค.61 อนุมัติให้ สตม. ดำเนินการทาบทามการรับโอนข้าราชการทหาร ไปยัง ทร. เนื่องจากบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางด้านการปฏิบัติการทางน้ำ ตร. ยังไม่สามารถผลิตเองได้
5. สตม. ได้ประสานทางกองทัพเรือ เพื่อขอรับโอนข้าราชการทหารเรือ ซึ่งต่อมา ได้รับอนุมัติจาก ผบ.ทร. ให้โอนได้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่หน่วยรับโอนลงคำสั่งรับโอน แต่ไม่ก่อนวันที่กองทัพเรืออนุมัติ (ก.ค.63)
6. ตร. ได้พิจารณาเรื่องที่ สตม. เสนอขอรับโอน และมีบันทึกลง 15 มี.ค.64 อนุมัติให้ สตม. รับโอนข้าราชการทหารเรือที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นข้าราชการตำรวจในสังกัด สตม. จำนวนทั้งสิ้น 41 ราย
ด้าน พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) กล่าวว่า กรณีรับโอนทหารเรือมาเป็นตำรวจสังกัด สตม. จำนวน 41 คน เนื่องจาก สตม. ได้รับการสนับสนุนเรือยนต์ตรวจการณ์ 27 ลำ ปฏิบัติภารกิจสกัดกั้นป้องกันปราบปราม สืบขยายผลการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ กวดขันจับกุมกาใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายบนเรือประมง ป้องกันการลักลอบเข้าเมือง จับกุมของหนีภาษี และสนับสนุนภารกิจดูแลความปลอดภัยท่องเที่ยวทางน้ำ แต่ปรากฏว่า สตม.ประสบปัญหาขาดแคลนกำลังพลที่มีความชำนาญขับเรือและซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ และกำลังพลที่มีประสบการณ์ทางลำน้ำ ทางทะเล ซึ่งต้องใช้กำลังพลที่มีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 10 ปีและมีใบอนุญาตนายท้ายเรือ สตม. จึงเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติขออนุมัติรับโอนทหารเรือ มาเป็นตำรวจในสังกัดเพื่อทำหน้าที่ประจำเรือตรวจการณ์ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ – รอง สารวัตร ทำหน้าที่ป้องกันปราบปรามทางน้ำ
“การรับโอนทหารเรือมาเป็นตำรวจสังกัดตม. จึงไม่ใช่ประเด็นการเลือกที่รักมักที่ชัง หรือแอบมุบมิบรับคน ไม่อยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชาน้อยใจว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ เพราะเป็นการรับมืออาชีพเฉพาะทางมาขับเรือยนต์ตรวจการณ์ซึ่งมีมูลค่าสูง จึงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการขับและดูแลรักษา ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีโรงเรียนสอนขับเรือโดยตรง ตำรวจน้ำจะต้องนำไปฝากเรียนที่โรงเรียนนายเรือ กองทัพเรือ ซึ่งการรับโอนทหารเรือมาสังกัด ตม. จะทำให้ไม่ต้องเสียค่าพัฒนาบุคลากร” ผบช.สตม. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี