30 มีนาคม 2564 เมื่อเวลา 11.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ชิศุณุพงศ์ สุริยานนท์  ผกก.สืบสวน ภ.จว.อุทัยธานี พร้อมกำลังชุดสืบสวน ภ.จว.อุทัยธานี สนธิกรรมลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.3 กก.ปปป.เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง  จว.อุทัยธานี นำหมายศาลอาญา ที่ 95/2556 วันที่ 31 พฤษภาคม 2556 ในข้อหาความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เข้าจับกุมนายสมเกียรติ ปัญญา อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 7/1 หมู่ 13 ต.ตองปิด อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายของศาลอาญา ที่หน้าบ้านเลขที่ 3/1 หมู่ 1 ต.หาดทนง อ.เมือง จ.อุทัยธานี

โดยเจ้าหน้าที่ได้ตำรวจชุดสืบสวนได้รับแจ้งสายว่า นายสมเกียรติ ปัญญา อายุ 53 ปี ได้มาอาศัยบ้านหลังดังกล่าวอยู่ จึงไปตรวสอบตามตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับของศาลดังกล่าวข้างตน ยืนอยู่หน้าบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวพร้อมกับสอบถามชื่อนามสกุลทราบชื่อนายสมเกียรติ ปัญญา พร้อมแสดงหมายจับกุมตัว ในข้อหาความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ที่ก่อเหตุไว้เมื่อ 30 มีนาคม 2554 ในพื้นที่ สภ.ห้วยขวาง หลังจานั้น พ.ต.ต. พงษ์พิทักษ์ โมงขุนทด สารวัตรเวร สภ.ห้วยห้วยขวาง เจ้าของคดี ได้ขอหมายศาลอาญาจับกุมตัวนายสมเกียรติ ปัญญา  

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวมายัง กองบังการสืบสวน ภ.จว.อุทัยธานี เพื่อบันทึกการจับกุม หลังจากนั้นนำตัวส่งไปยัง สภ.ห้วยขวาง เจ้าของคดีพื้นที่

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายสมเกียรติ ปัญญา ผู้ต้องหาให้การว่าตนเองนั้นข้อปฏิเสธข้อกล่าวหา เนื่องตนเองนั้นไม่ทราบว่าไปก่อคดีไว้ตั้งแต่เมื่อไรและยังนึกไม่ออก เนื่องจากคดีนี้ใช้เวลามานานเกือบสิบปี และวันนี้เป็นเป็นวันสุดท้ายของหมายจับ ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็หมดเขตตามจับ

ซึ่งก่อนหน้านั้นประมาณ 10 ปี ที่แล้วตนเองได้ไปขับรถมอเตอร์วิน ที่ลาดพร้าว หลังจากนั้น ปี 2557 ตนเองก็กลับมาอยู่กับภรรยาที่บ้านหาดทนง หลังจากกลับมาตนเองก็ทำมาหากินตลอด จนมาถูกจับกุมตัว และทราบว่ามีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความไว้กับ สภ.ห้วยขวาง รวม 7 รายในคดีฉ้อโกงประชาชนดังกล่าว