ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาอุทกวิทยา เปิดเผยว่า ฝนที่ตกลงมาในระยะนี้ ได้รับอิทธิพลจากพายุฤดูร้อน ทำให้มีน้ำไหลเข้า 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา พร้อมสั่งการทุกโครงการชลประทานเตรียมพร้อมรับมือฤดูฝนอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน (7 เม.ย. 2564) สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 13,772 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 2,549 ล้าน ลบ.ม. ภาพรวมการบริหารจัดการน้ำช่วงฤดูแล้งปี 2563/64 เป็นไปตามแผนที่วางไว้ มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคจนสิ้นฤดูแล้งนี้ และมีน้ำสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง และจากอิทธิพลของพายุฤดูร้อนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้มีฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบน ส่งผลให้มีปริมาณน้ำฝนไหลเข้า 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา รวมกันประมาณ 10 ล้าน ลบ.ม. (เขื่อนภูมิพล มีน้ำไหลเข้าอ่างฯ 5.69 ล้าน ลบ. เขื่อนสิริกิติ์ มีน้ำไหลเข้าอ่างฯ 1.81 ล้าน ลบ. เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีน้ำไหลเข้าอ่างฯ0.66 ล้านลบ.ม. และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำไหลเข้าอ่างฯ 1.82 ล้านลบ.) ทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่แห้งแล้งได้พอสมควร
ทั้งนี้ อีกประมาณ 1 เดือน จะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ได้กำชับให้ทุกโครงการชลประทาน ตรวจสอบสภาพความมั่นคงของเขื่อนและอาคารชลประทานทุกแห่งให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ประจำจุดพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันที และได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานเร่งกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ ให้แล้วเสร็จ ตามข้อสั่งการของ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมขอให้ติดตามสภาพภูมิอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงบริหารจัดการน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมและสอดคล้องกับสถานการณ์ และยังคงต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอใช้ไปจนกว่าจะเข้าสู่ฤดูฝนหรือมีฝนตกชุกอย่างต่อเนื่อง
ดร.ธเนศร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถือเป็นข่าวดีที่การบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทานเป็นไปตามเป้าหมาย และยังไม่มีพื้นที่ได้รับความเสียหาย ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ร่วมกันรณรงค์ในเรื่องของการใช้น้ำรวมถึงการใช้น้ำของเกษตรกรเองได้รับฟังและปฏิบัติตามนโยบายของกรมชลประทาน โดยกรมชลประทานยังได้เตรียมแผนรับมือกับช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง ประการแรกจะมีการวางแผนปลูกพืชฤดูฝน จัดระบบการปลูกพืช เลื่อนเวลาการปลูกข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำเจ้าพระยา 1 ทุ่ง (ทุ่งบางระกำ) เพื่อใช้เป็นพื้นที่รับน้ำหลาก และเตรียมปล่อยน้ำเพื่อใช้สำหรับการเพาะปลูก โดยปัจจุบันเกษตรกรได้เริ่มมีการเพาะปลูกแล้ว ประการที่สอง ได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณน้ำฝน โดยศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานว่าฤดูฝนปีนี้จะมาเร็วกว่าปีที่แล้ว และจะมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าเฉลี่ย ประมาณ 5-7% หากเกษตรกรท่านใดมีข้อสงสัยในเรื่องสถานการณ์น้ำ ทั้งในเรื่องการเพาะปลูก การใช้น้ำ และสถานการณ์น้ำต่างๆ สามารถสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กรมชลประทานในพื้นที่ หรือโทรสายด่วนกรมชลประทาน 1460
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี