ตายพุ่ง238ศพ
อุบัติเหตุ6วันฉลองสงกรานต์
บาดเจ็บสะสม2,116ราย
ปรับแผนรับแห่กลับกทม.
6 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง 238 ศพ บาดเจ็บ 2,116 ราย เกิดอุบัติเหตุกว่า 2 พันครั้ง ศปถ.ปรับแผนอำนวยความสะดวกเดินทางกลับ ด้านกรมคุมประพฤติ ชี้คดีเมาขับกว่า 3.8 พันคดี
เมื่อวันที่ 16เมษายน ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายอรรษิษฐ์สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 15เมษายน 2564 ซึ่งเป็นวันที่6ของการรณรงค์ ‘สงกรานต์สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย ห่างไกลโควิด’ว่า เกิดอุบัติเหตุ 313 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 29 ราย ผู้บาดเจ็บ 310 คน
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 31.31 ขับรถเร็ว ร้อยละ 30.35 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จักรยานยนต์ ร้อยละ 88.79 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 61.66 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 43.13 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 30.67 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 25.56 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ช่วงอายุ 40-49 ปี ร้อยละ 15.63
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,905 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 59,218 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 377,754 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี 231,838 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 17,318 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 16,505 ราย
ขณะที่จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (15 ครั้ง) จังหวัดมีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา ระยอง หนองคาย (จังหวัดละ2ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ปราจีนบุรี (15 คน) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 6 วันของการรณรงค์ (10-15 เมษายน 2564) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,113 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 238 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 2,116 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์)มี 8 จังหวัด โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ นครศรีธรรมราช (91 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด เชียงใหม่ (9 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (96 คน)
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ปภ.) กล่าวว่า ประชาชนยังอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากภูมิลำเนา ทำให้ถนนหลายสายมีปริมาณรถเป็นจำนวนมาก ประกอบกับความอ่อนล้าจากการขับรถทางไกล อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ศปถ.จึงได้ประสานจังหวัดปรับแผนการดำเนินงานสร้างความปลอดภัยทางถนนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเพิ่มความเข้มข้นในการดูแลเส้นทางขาเข้า กทม.และเส้นทางที่มุ่งสู่จังหวัดใหญ่
ทั้งนี้ ได้เน้นการจัดตั้งจุดตรวจและเพิ่มความถี่เรียกตรวจในเส้นทางเสี่ยง โดยเฉพาะทางตรงที่มีระยะทางไกล และจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย และประเมินความพร้อมของผู้ขับรถ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก และจัดระบบการจราจรให้สอดคล้องกับปริมาณรถในแต่ละเส้นทาง
ท้ายนี้ ในระยะนี้หลายพื้นที่ยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนอง จึงขอฝากเตือนให้ผู้ขับขี่ เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน ไม่ขับรถเร็ว ดื่มไม่ขับ ง่วงไม่ขับ ใช้อุปกรณ์นิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร อีกทั้งปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (DMHTT) โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ตนเองและสังคม
ด้านนายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงสถิติคดีขับรถในขณะเมาสุราที่ศาลสั่งคุมความประพฤติ ต้อนรับวันเดินทางกลับจากช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ (15 เมษายน 2564) มีจำนวน80 คดี เนื่องจากศาลปิดทำการ ทำให้ตัวเลขสถิติยอดรวม 6 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด (10-15 เมษายน 2564) มีจำนวนทั้งสิ้น 3,823คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุราจำนวน 3,810 คดี คิดเป็นร้อยละ 99.66, คดีขับเสพ จำนวน 11 คดี คิดเป็นร้อยละ0.29 ,คดีขับรถประมาท จำนวน 2 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.05
จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับยังคงเดิม ได้แก่ 1.จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 290 คดี 2.จังหวัดเชียงราย จำนวน 264 คดี และ 3.จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 251 คดี
นอกจากนี้ ในส่วนของการติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือกำไล EM กับผู้กระทำผิดเมาแล้วขับยังไม่มีเพิ่มเติม ยังคงตัวเลขสะสม 6 วันอยู่ที่ 19 ราย โดยมีเงื่อนไขห้ามออกจากที่พักอาศัย ในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 น.–04.00 น.เป็นระยะเวลา 15วัน พักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศเฝ้าติดตามและควบคุมดูแลผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมงผ่านศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring Control Center - EMCC) พร้อมประสานเครือข่ายภาคประชาชน อาสาสมัครคุมประพฤติ เตรียมพร้อมลงพื้นที่หากมีการผิดเงื่อนไขคุมความประพฤติ
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวอีกว่า กรมคุมประพฤติห่วงใยสวัสดิภาพของประชาชนในการเดินทาง ขอให้ผู้ขับขี่พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มสุรา ยาเสพติด หากเมื่อยล้าหรือง่วงนอนให้จอดรถพักได้ที่จุดบริการ ที่สำคัญอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระหว่างการเดินทางต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เมื่อกลับสู่ที่หมายหากรู้ตัวว่าไปในสถานที่แพร่ระบาดหรือมีอาการสงสัยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวดและติดต่อเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์
สำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐควรปฏิบัติเช่นเดียวกันและดำเนินการตามมาตรการทำงานที่บ้าน (Work from Home)ของแต่ละหน่วย ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัดเพื่อสังคมโดยส่วนรวม ทั้งนี้ กรมคุมประพฤติ โดยสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย ประชาชนและผู้ถูกคุมความประพฤติ ยังคงสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บริเวณจุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น จำนวน 57จุด โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น376คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี