สธ.ลั่นต้องไม่มีตายระหว่างรอ
9,317เตียงยังว่าง
ป่วยรายวันพุ่ง1,390ราย/ดับอีก3
หมอ-พยาบาลติดโควิด146ราย
สำรองไอซียูรับคนอาการโคม่า
ชี้กักตัวที่บ้านยังเป็นแค่แนวคิด
เลยพบทารกวัย2เดือนป่วยด้วย
บุรีรัมย์ปิดหมู่บ้านตรวจหาเชื้อ
ไทยติดเชื้อ 1,390 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย ชี้ต้นเหตุจากคนใกล้ชิด ขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทาง เคร่งครัดมาตรการสาธารณสุข ชี้ยอดกราฟยังชันแต่เริ่มลดหัวลง เพราะมาตรการศบค.ที่ให้ปิดจุดเสี่ยงอย่างสถานบันเทิง โรงเรียน แต่ขออย่าวางใจ เผย 18 วัน การระบาดระลอกใหม่เมษายนแพทย์-พยาบาล ติดโควิดแล้ว 146 คน 33 รายรับเชื้อจากการทำงาน ผู้ป่วยปิดไทม์ไลน์ ย้ำไม่ยอมให้มีคนตายระหว่างรอเตียง สธ.โดยกรมการแพทย์จับมือรร.แพทย์ กทม. รพ.เอกชนยกเครื่องระบบจัดหาเตียง – รถรับส่ง- แล็ปตรวจเชื้อเรียบร้อย ยันขณะนี้เตียงว่าง 9,317 เตียง พร้อมจัดระดับประเมินผู้ป่วย เพื่อสำรองเตียง-ไอซียูรับคนอาการโคมา ย้ำแนวทางแยกกักตัวที่บ้านเป็นแค่แนวคิด เตรียมไว้ถ้าระบาดระลอก 4
เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวันของไทยที่ยังเกินหลักพันต่อเนื่อง และผลตรวจคัดกรองเชิงรุกในแต่ละจังหวัดพบผู้ติดเชื้อหลักร้อยหลายจังหวัดเช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ 18 จังหวัดสีแดง
ไทยติดเชื้อใหม่1,390คนสะสม4.3หมื่น
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า วันนี้ไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,390 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,384 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,058 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 326 ราย นอกจากนี้ เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 6 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 43,742 ราย หายป่วยสะสม 28,787 รายอยู่ระหว่างรักษา 14,851 ราย แบ่งเป็นอยู่ในโรงพยาบาล (รพ.) 14,288 ราย รพ.สนาม 563 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย สะสม 104 ราย โดยการระบาดระลอกใหม่เดือนเมษายน 2564 สะสม 14,879 ราย เสียชีวิตสะสม 10 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.07
เปิดไทม์ไลน์พนง.เสิร์ฟป่วยซื้อยากินเอง
สำหรับผู้เสียชีวิตรายที่ 102 ของประเทศไทยวันนี้ เป็นชายไทย อายุ 56 ปี อาชีพพนักงานเสิร์ฟในสถานบันเทิง กรุงเทพมหานคร(กทม.) โรคประจำตัว คือ โรคความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองตีบ ขณะป่วยอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 13 เม.ย. มีอาการไอ ตัดสินใจซื้อยารับประทานเอง และนอนพักรักษาที่บ้าน กระทั่งเมื่อวันที่ 17 เม.ย. เวลา 16.30 น. ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยหอบมากขึ้น จึงเข้าพบแพทย์ที่คลินิก ต่อมาเวลา 20.30 น. วันเดียวกัน เริ่มหายใจติดขัด ครอบครัวจึงติดต่อรถพยาบาลมารับเข้ารักษาที่ รพ. ในเวลา 22.00 น. ต่อมามีอาการแย่ลง หัวใจหยุดเต้น เจ้าหน้าที่ทำการฟื้นคืนชีพ แต่ไม่ดีขึ้นและผลยืนยันติดเชื้อโควิด-19 กระทั่งเมื่อวันที่ 18 เม.ย. เสียชีวิตในเวลา 00.31 น.
ย้ำมีอาการไม่ควรอยู่บ้านเข้ารพ.รักษา
“เป็นสิ่งที่เราเรียนรู้ว่า ขณะที่เจ็บป่วย เราไม่ควรอยู่บ้าน แต่ควรเข้ารับบริการ เข้ากระบวนการรักษาแม้มีอาการเล็กน้อย เพื่อช่วยเหลือดูแลได้ทัน เช่น ผู้เสียชีวิตรายนี้ เมื่อมีอาการหนักเข้ารักษาพบว่า อาการแย่ลงรวดเร็ว กระทั่งชีวิต แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว” พญ.อภิสมัย กล่าว
รายที่103-104ติดเชื้อจากคนใกล้ชิด
และว่า ผู้เสียชีวิตรายที่ 103 เป็นหญิงไทย อายุ 84 ปี โรคประจำตัว คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายและต้องล้างไตเป็นประจำ ขณะป่วยอยู่กทม. มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า เป็นหลานชายที่ทำงานในสถานบันเทิงย่านรัชดา วันหยุดที่ผ่านมาวันที่ 3 เมษายน หลานกลับไปเยี่ยมยายที่บ้านมีการสัมผัสใกล้ชิด ทราบภายหลังว่าหลานชายติดเชื้อ ต่อมาวันที่ 8 เมษายนมีไข้ ไอ เหนื่อยหอบ ผลเอกซเรย์พบปอดอักเสบรุนแรง แพทย์พิจารณาใส่ท่อช่วยหายใจ แต่อาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 10 เมษายนผลยืนยันติดเชื้อและวันที่ 16 เมษายน ความดันโลหิตตก และเสียชีวิต
พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า ผู้เสียชีวิตรายที่ 104 เป็นหญิงไทย อายุ 61 ปี อาชีพขายค้าอยู่จ.ประจวบคีรีขันธ์ โรคประจำตัวคือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูงและไทรอยด์ ก่อนหน้าที่ยังไม่ได้สัมผัสผู้ติดเชื้อ ยังทำงานได้ตามปกติ เดินทางไปขายของได้ กระทั่งวันที่ 6 เมษายน มีประวัติรับประทานอาหารร่วมกับผู้ติดเชื้อยืนยันรายก่อนหน้าเป็นผู้ที่ไปสถานบันเทิง อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 8 เมษายนรับแจ้งว่าเพื่อนติดเชื้อ จึงไปตรวจหาเชื้อ ต่อมาวันที่ 10 เมษายน ผลยืนยันติดเชื้อ เข้ารักษาในรพ. และวันที่ 18 เมษายนติดเชื้อในกระแสเลือด กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเสียชีวิต
“ปัจจัยเสี่ยงที่เราเน้นย้ำเสมอคือ การสัมผัสผู้ติดเชื้อใกล้ชิด เป็นคนในครอบครัว คนที่เราไว้วางใจ ทำให้ไม่ได้ระวัง จึงเกิดติดเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว จะเสี่ยงสูงที่อาการทรุดลงรวดเร็ว นำไปสู่การเสียชีวิตได้ จึงต้องย้ำประชาชน ระวังการแพร่ระบาดไปสู่คนใกล้ชิด”ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าว
ใช้โคแล็บ-โควอดจัดการเตียง-ห้องแล็ป
พญ.อภิสมัยยังแถลงถึงการบริหารจัดการเตียงรวมถึงห้องปฎิบัติการตรวจหาเชื้อ เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อให้ทันสถานการณ์และมีประสิทธิภาพว่า กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขบูรณาการห้องปฏิบัติการ(แล็บ) และเตียงรองรับผู้ติดเชื้อโควิดด้วยระบบโคแล็บ (Co-Lap) ทั้งตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ข้อมูลจะถูกนำมารวมในจุดเดียวที่กรมการแพทย์ แล้วรายงานทันที อีกทั้ง ยังมีระบบโควอด (Co-Ward) ติดตามสถานะจำนวนเตียงว่างในโรงพยาบาลเอกชน รพ.สังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) รพ.ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และเตียงในกองทัพมีเท่าใด เพื่อบริหารเตียงรองรับผู้ป่วย
ยันต้องไม่มีผู้ป่วยตายจากการรอเตียง
นอกจากนี้ กรณีผู้ติดเชื้อและรับรักษาในระบบแล้ว จะมีการประเมินความเสี่ยงของผู้ติดเชื้อและคัดแยกตามอาการโดยแบ่งเป็น สถานะสีเขียวคือ ผู้ที่แข็งแรงดียังไม่มีอาการ สถานะสีเหลือง คือ เริ่มมีอาการ มีภาวะเหนื่อยหอบ หรือกลุ่มมีโรคประจำตัวที่เป็นความเสี่ยง และสถานะสีแดงคือ ผู้มีอาการรุนแรง หรือผู้ออกกำลังใน 6 นาที ตามมาตรฐานสาธารณสุข เช่น ปั่นจักรยานท่านอน แล้วมีอาการเหนื่อย จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เน้นว่าต้องไม่มีผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากการรอเตียง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังต้องจัดสรรทรัพยากรบุคลากร ขณะนี้หลายโรงพยาบาลปิดบริการแผนกอื่น เพื่อระดมสรรพกำลังไปช่วยสกัดการระบาดโควิด-19
บุคลากรแพทย์พยาบาลติดเชื้อแล้ว146คน
พญ.อภิสมัยกล่าวด้วยว่า การระบาดรอบนี้ พบบุคลากรแพทย์ติดเชื้อด้วย ซึ่งข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 1-18 เมษายนรายงานว่า มีบุคลากรแพทย์ติดเชื้อแล้ว 146 ราย ส่วนใหญ่เป็นแพทย์และพยาบาล สิ่งสำคัญคือพบว่าในจำนวนดังกล่าวมี 33 รายติดเชื้อจากการทำงาน สัมผัสผู้ป่วยที่ไม่เปิดเผยไทม์ไลน์ นอกจากนี้ เป็นการสัมผัสผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ใกล้ชิด หรือคนในครอบครัว ขณะนี้รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อตัวเลขคร่าวๆ วันละ 1,000 ราย เพียง 10 วันจากนี้อาจรวมเป็นหมื่นราย ดังนั้น จึงต้องความร่วมมือจากประชาชน เป็นสิ่งสำคัญ
กราฟติดเชื้อเริ่มลดจากมาตรการศบค.
ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า หลายวันที่ผ่านมากราฟตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงลักษณะเป็นยอดแหลม แต่วันนี้ทิ่มลงมา มาจากมาตรการของ ศบค.ที่ลดการเคลื่อนย้าย ลดการเดินทาง และปิดกิจการและกิจกรรมบางประเภทเป็นการชั่วคราว รวมถึงได้รับความร่วมมือจากประชาชน แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง ยอดแหลมอาจกลับมาถ้าไม่ได้รับความร่วมมือ ส่วนมาตรการเชิงรุกเรายังทำต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี แม้ยอดติดเชื้อวันนี้ลดลงมาเหลือ 1,390 ราย ทำให้หลายคนคาดหวัง แต่ยังวางใจไม่ได้ ส่วนที่มีการกล่าวโทษตำหนิผู้ติดเชื้อนั้น ตนอยากบอกว่าการตำหนิไม่ได้ทำให้การติดเชื้อน้อยลง ตอนนี้ทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกัน เริ่มตั้งแต่มาตรการระวังตัวส่วนบุคคล
คนแห่ตรวจหาเชื้อบำราศ600-700คน/วัน
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคเปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจโรงพยาบาลสนาม ที่สถาบันบำราศนราดูรขนาด 60 เตียง เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิดที่ได้รับการตรวจของสถาบัน หากเต็มก็จะกระจายตามพื้นที่ ประสานทั้งกทม.และนนทบุรี ร่วมดูแล ส่วนการตรวจหาเชื้อโควิดที่สถาบันบำราศนราดูร พบว่าตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ยอดผู้เดินทางมาตรวจหาเชื้อโควิด เฉลี่ยมากถึงวันละ 600-700 คน เป็นประชาชนที่เดินทางมาจากทั้ง กทม.และปริมณฑล และผลก็พบผู้ติดเชื้อวันละ 50-60 คน พร้อมย้ำว่าการป้องกันตนเองส่วนบุคคลด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ระยะห่าง และหมั่นล้างมือยังจำเป็นต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและเคร่งครัด
สธ.เตรียมแนวทางกักตัวที่บ้าน
ขณะที่นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์แถลงถึงความคืบหน้ากรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) สั่งให้เตรียมจัดทำคู่มือแนวทางดูแลผู้ติดเชื้อโควิดที่ต้องกักตัวที่บ้าน สำหรับผู้ที่พักอาศัยคนเดียว รองรับอนาคตกรณีมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก จนต้องเปลี่ยนแนวทางจากการรักษาใน รพ.มาเป็นการกักตัวที่บ้านแทนว่า เป็นการออกคำแนะนำเพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์ หากกรณีมีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้มาตรการดังกล่าว ผู้ที่ติดเชื้อทุกรายต้องเข้ามารักษาในโรงพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนามหรือฮอสพิเทล ที่ภาครัฐกำหนด
สำหรับแนวทางการพิจารณาผู้ติดเชื้อที่เหมาะสมสำหรับแยกตัวที่บ้าน (home isolation) ผู้ที่ตรวจพบเชื้อควรจัดแยก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการควรได้รับการรักษาในโรงพยาบาล หรือ โรงพยาบาลสนาม หรือ หอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (hospitel) ตามความเหมาะสมเป็นเวลา 14 วัน ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการควรแยกตัวจากผู้อื่นไม่น้อยกว่า 14 วันเช่นกัน นอกจากนี้ โรงพยาบาลอาจพิจารณาให้ผู้ติดเชื้อใช้ที่พักอาศัยเป็นสถานที่แยกตัว อาทิ บ้านเดี่ยว หอพัก หรือคอนโดมิเนียม โดยเจ้าของสถานที่ยินยอมแล้ว การเตรียมสถานที่เพื่อแยกตัวอย่างเหมาะสมให้เป็นไปตามคำแนะนำการแยกตัวที่บ้าน สำหรับผู้ป่วยโควิดที่ไม่ได้เข้ารักษาตัวแบบผู้ป่วยในของโรงพยาบาล หากผู้ติดเชื้อไม่มีอาการผิดปกติ ให้แยกตัวต่อเนื่องจนครบ 1 เดือน
เปิดหลักเกณฑ์ผู้ติดเชื้อแยกกักตัวที่บ้าน
แนวทางของกรมควบคุมโรคยังระบุถึงเกณฑ์พิจารณาผู้ติดเชื้อ เพื่อแยกตัว ดังนี้ 1. เป็นผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ 2. มีอายุไม่เกิน 40 ปี 3.สุขภาพร่างกายแข็งแรง 4.มีผู้อยู่ร่วมที่พักไม่เกิน 1 คน 5.ไม่มีภาวะอ้วนหมายถึง ดัชนีมวลกาย 2 25 กก./ม./ หรือ น้ำหนักตัว > 90 กก 6. ไม่มีโรคร่วม ดังต่อไปนี้ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ไตเรื้อรัง (CKD) โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคอื่นตามดุลยพินิจของแพทย์ และผู้ป่วยยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเอง ส่วนการดำเนินการของโรงพยาบาล 1. ประเมินความเหมาะสมสำหรับผู้ติดเชื้อ 2. ลงทะเบียนผู้ติดเชื้อที่เข้าเกณฑ์แยกตัวที่บ้าน ในระบบของโรงพยาบาล 3. ถ่ายภาพรังสีทรวงอกหากพบความผิดปรกติ แนะนำให้เข้ารักษาที่โรงพยาบาล 4. แนะนำการปฏิบัติตัวจัดเตรียมปรอทวัดไข้ ให้ผู้ป่วยติดเชื้อ 5. ติดตาม ประเมินอาการผู้ติดเชื้อระหว่างแยกตัวที่บ้าน ผ่านระบบสื่อสารวันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) เป็นเวลา 14 วัน 6.จัดช่องทางติดต่อกรณีผู้ติดเชื้อมีอาการเพิ่มขึ้น หรือภาวะฉุกเฉิน7.จัดระบบรับ –ส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลกรณีผู้ติดเชื้อจำเป็นต้องย้ายเข้ารักษาในโรงพยาบาล
ยกเครื่องแก้เตียงขาด-สำรองICUรับโคมา
เวลา 15.00 น.ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ แถลงความคืบหน้าการบริหารจัดการเตียงผู้ป่วยโควิดว่า จากกรณีมีปัญหาคนไข้ไม่ได้นอนโรงพยาบาล การตรวจหาเชื้อโควิดในห้องปฎิบัติการเอกชน ตรวจเสร็จให้ไปรอที่บ้าน เมื่อโทรแจ้งผลบวก แต่แล็บไม่มีรพ.ให้นอนรักษาตัว การไปตรวจหาเชื้อเชิงรุก และให้กลับบ้าน เมื่อเจอก็หาเตียงไม่ได้ จึงขอย้ำแนวทางบริหารจัดการเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด ต้องได้รับการดูแลของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ระหว่างรอ เราจะมีคนโทรเยี่ยม สอบถามอาการ นอกจากนี้ โรงพยาบาล แล็บเอกชน ที่ตรวจพบโควิด ต้องประสานเครือข่ายเพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้รับการดูแลโดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกราย ซึ่งกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)ได้ปรับปรุงแก้ไขระบบแล้ว
ส่วนกรณีตรวจเชิงรุก (Active cases finding : ACF) ที่มีระดับความรุนแรงสีเขียวคือ ไม่มีอาการมาก มอบให้กทม.รับเข้าไว้ในรพ.สนาม ส่วนเคสที่ไปรับบริการไม่ว่าจากแล็บ หรือจากไหนก็ตาม หากความรุนแรงสีเขียวจะรับไว้ในฮอสพิเทล แต่ถ้ารุนแรงระดับสีเหลืองหรือสีแดง ต้องรับไว้ในรพ. อีกทั้ง ให้รพ.ทุกสังกัดสำรองไอซียู โดยกรมการแพทย์เป็นหน่วยบริหารจัดการร่วมกับโรงเรียนแพทย์ เพราะต้องเตรียมพร้อม เนื่องจากคาดว่า ผู้ป่วยเกิดขึ้นมากและสัปดาห์นี้อาจมีบางส่วนเป็นผู้ป่วยหนักต้องมีห้องไอซียูรองรับ
พองเตียงเพิ่มได้อีก9,317เตียง
“สรุปเตียงพอหรือไม่ ขอชี้แจงว่า ที่ผ่านมามีผู้ป่วยพันกว่าราย อยู่ในกทม.กว่า 200-300 รายต่อวัน แต่จริงๆยังมีคนไข้ที่ไปแล็บแต่ไม่ได้รายงานตัวเองอยู่ในระบบ และแอดมิทเข้ามา อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังมีเตียงอยู่ 6-7 พันเตียง ขณะนี้ข้อมูลถึงวันที่ 18 เมษายนมีเตียงรวมถึง 9,317 เตียง นี่คือ การเบ่งเตียง หรือพองเตียง ทั้งกรมการแพทย์เองที่ขยายเตียงผ่าน รพ.ราชวิถี รพ.เลิดสิน รพ.นพรัตนฯ รพ.ในโรงเรียนแพทย์ รพ.เอกชน ทางกทม.ก็ขยายรพ.สนาม จะเห็นว่า มีเตียงว่าง แต่ก็ยอมรับว่า ประชาชนที่ร้องเรียนมาได้รับผลกระทบจริง เพราะอย่างที่บอก ตรวจแล็บ ไม่มีเจ้าของไข้” นพ.สมศักดิ์ กล่าว
สั่งสพฉ.เพิ่มรถรับส่งคนไข้ร้อยคันทั่วปท.
และว่า ส่วนปัญหาเมื่อประสานเตียงได้ แต่ไม่มีรถรับส่งโรงพยาบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สธ. สั่งให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)หาทางเพิ่มรถนำส่งที่แบ่งคนไข้เป็นตอนหน้าและตอนหลังได้ มาช่วยจัดการ ขณะนี้ได้แล้ว 50 คันจาก 3 บริษัท ระยะแรกพื้นที่กทม. จากนั้นจะเพิ่มเป็น 100 คันทั่วประเทศ นำส่งผู้ป่วยเป็นเวร กรณีนี้อยู่ในความดูแลของ 1669 ศูนย์เอราวัณ
ย้ำแยกตัวที่บ้านแค่แนวคิดรับมือเฟส4
นพ.สมศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ว่าเตียงไม่พอ และกรมการแพทย์ออกแนวทางให้ผู้ป่วยแยกตัวที่บ้านนั้น เรื่องนี้เป็นแนวคิดว่า หากระบาดรอบใหม่ หรือการระบาดรอบ 4 มามากกว่านี้ สมมติเป็นหมื่นรายมากกว่ารอบ 3 จึงเตรียมไว้ล่วงหน้า กรณีผู้ป่วยรอที่บ้านต้องทำอย่างไร แต่เราคาดว่าไม่น่าจะถึงวันละหมื่นราย ถ้าประชาชนให้ความร่วมมือช่วยเหลือจะช่วยกันได้ ถ้ามีการแยกตัวที่บ้านจริงหรือที่เรียกว่า Home Isolation จะเตรียมระบบต่างๆ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการใช้แนวทางดังกล่าว
เปิด3สายด่วนจัดหาเตียง
นพ.สมศักดิ์ยังย้ำด้วยว่า สายด่วน 1669 ศูนย์เอราวัณ เป็นหลักจัดหาเตียงในกทม. ส่วน 1668 สายด่วนกรมการแพทย์(เฉพาะกิจ) รับสาย 08.00-22.00 น. ทุกวัน โทรเยี่ยมผู้ติดเชื้อช่วยประสานเตียง และ 1330 สายด่วน สปสช. รับสายตลอด 24 ชั่วโมง ประสานจัดหาเตียง หรือหากติดต่อไม่ได้ เพราะสายเยอะมาก ให้ติดต่อไลน์ “สายดีบอต” สุดท้ายขอฝาก 3 ส สติ สื่อสาร สามัคคี ทีมประเทศไทยจะฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
“หมอยง”ชี้โควิดติดซ้ำได้อีก
มีความเห็นจาก ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กกรณีผู้ป่วยโควิดที่หายป่วยแล้วมีโอกาสกลับมาป่วยได้อีกว่า โควิด-19 เป็นโรคที่เป็นแล้ว เป็นอีกได้ จากการติดตามระยะยาวของภูมิต้านทาน ผู้หายป่วยจากโควิดที่ศูนย์ฯ ทำอยู่และติดตามมาครบ 1 ปีแล้ว ภูมิต้านทานจะเริ่มลดลงตั้งแต่ 3-6 เดือนหลังติดเชื้อ ทั้งนี้ โรคโควิดเป็นโรคที่ระยะฟักตัวสั้น ส่วนใหญ่ 2-7 วัน เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ต่างจากโรคหัด โรคสุกใส ที่มีระยะฟักตัวยาวนานกว่า เมื่อเป็นแล้วถึงแม้ภูมิต้านทานจะลดต่ำ เมื่อติดเชื้อใหม่ กว่าจะเกิดโรคที่ใช้เวลายาวนานกว่า ร่างกายของเราสามารถสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาได้ทัน โรคที่ระยะฟักตัวยาว วัคซีนจึงป้องกันโรคได้ดีกว่าโรคที่ระยะฟักตัวสั้น ซึ่งต้องอาศัยระดับภูมิต้านทานที่ลอยระดับสูงตลอดเวลา
เลยเจออีก5มีทารก2เดือนด้วย
นพ.ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ว่า จ.เลยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 5 คน เชื่อมโยงผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ ยอดผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ เมษายน 16 คน รักษาตัวอยู่ใน รพ. 15 คน ผู้ป่วยรายใหม่ 5 คน ได่แก่ ผู้สัมผัสใกล้ชิด คนในครอบครัวหญิงอายุ 31 ปี พนักงานบริษัทที่กรุุงเทพฯเดินทางมา จ.เลย โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของผู้ป่วยรายนี้ ตรวจพบเชื้อ 3 คนคือ ลูกสาววัย 2 เดือน ลูกสาววัย 5 ปี และแม่อายุ 50 ปี ในต.โพนสูง อ.ด่านซ้าย ทั้งหมดรักษาตัวที่ รพ.ด่านซ้าย ผู้ป่วยอีก 2 คน เป็นชายอายุ 20 ปี นักศึกษาและพนักงานโรงงาน ประสบอุบัติเหตุและส่งตัวจาก รพ.ผาขาว มารพ.เลย ตรวจหาเชื้อก่อนทำหัตถการ พบติดเชื้อ ไม่มีอาการทางเดินหายใจ และเด็กชายวัย 3 ปี พบประวัติไปเยี่ยมแม่ที่กรุงเทพฯ ช่วงสงกรานต์ ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด จากนั้นกลับมาอยู่บ้าน ต.นาโป่ง อ.เมือง ขณะนี้เข้ารักษาที่รพ.เลย โดยผู้ป่วยทั้ง 5 คนอาการปกติดี
ปิดหมู่บ้านประโคนชัยตรวจหาเชื้อ
ส่วนที่จ.บุรีรัมย์ กรณีชายวัย 56 ชาว ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ อาชีพพนักงานเสิร์ฟสถานบันเทิงย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ เดินทางมาบ้านอ.ประโคนชัย แล้วมีอาการป่วยและไปรักษาที่โรงพยาบาลประโคนชัย ก่อนเสียชีวิตต่อมาหมอตรวจพบเชื้อโควิด-19 นั้น นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์สั่งปิดหมู่บ้านผู้ติดเชื้อ เพื่อตรวจคัดกรองเข้มข้น เร่งติดตามหาคนขับรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง ที่ถูกเหมาขับรถมาส่งผู้เสียชีวิตและคนในหมู่บ้านเดียวกันอีกหลายคน สำหรับเคสนี้ มีผู้เสี่ยงสูง ญาติ และบุคลากรแพทย์ 35 คน และผู้เสี่ยงต่ำเป็นคนในหมู่บ้านอีก 352 คน อยู่ระหว่างการรอผลตรวจ เบื้องต้นพบว่าภรรยาติดเชื้อแล้ว
ศปก.ศบค.ขอทำงานที่บ้าน100%
วันเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) สรุปสถานการณ์ โควิด-19 ระบุ แนวโน้มมีผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่อง รวมทั้งผู้ป่วยอาการรุนแรงและผู้ป่วยเสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน และมีแนวโน้มระบาดต่อเนื่องไปร.ร. หน่วยงาน องค์กร สถานประกอบการต่างๆ ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทาง หากไม่จำเป็น เน้นมาตรการ Work From Home เต็มขีดความสามารถ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี