22 เม.ย.64 จ.นครศรีธรรมราช โควิดยังพุ่ง ล่าสุด 17 ราย สะสม 116 ราย รักษาหาย 1 ขณะที่ รพ.สนามพร้อมรองรับผู้ป่วย ด้าน ผอ.รพ.สิชล ระบุผู้ป่วยมีอาการปอดบวม ต้องให้ยาต้านเชื้อไวรัส ส่วน ผกก.ทุ่งใหญ่ ควักเงินส่วนตัว ทำประกันชีวิตโควิดให้ตำรวจยกโรงพัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. เพจ “สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช“ โดยนายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช โพสต์แจ้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ข้อมูลระลอกเมษายน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 22 เมษายน 2564 จังหวัดนครศรีธรรมราช พบผู้ป่วยโควิด-19 ระลอกเมษายน เพิ่ม 17 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 116 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 115 รายรักษาหายแล้ว 1 ราย
ขณะที่นายสมพงษ์ มากมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พลตรีอนุสรณ์ โออุไร เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 นำจิตอาสาพระราชทานกองทัพภาคที่ 4 จิตอาสาพระราชทานอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และประชาชนจิตอาสา ร่วมกันขนย้ายเตียงนอนทหารจำนวน 30 เตียง และทำความสะอาดสถานที่เพื่อเตรียมพร้อมจัดสถานที่สนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามภายในอาคารศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยพระราชทาน ร่วมใจอุ่นไอรัก ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช เตรียมรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในกรณีที่โรงพยาบาลสนามต่างๆ ที่จัดเตรียมไว้เต็มตามจำนวนที่กำหนดไว้
สำหรับอาคารศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยพระราชทาน ร่วมใจอุ่นไอรัก ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการก่อสร้างอาคารศูนย์พักพิงพร้อมอาคารประกอบต่างๆ และสาธารณูปโภค เพื่อรองรับผู้ประสบสาธารณภัย ซึ่งในเบื้องต้นจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ใช้สถานที่ดังกล่าวเตรียมความพร้อมจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 50 เตียง แต่เบื้องต้นเตรียมไว้ 30 เตียง นอกจากนี้ ยังเตรียมสถานที่ของศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยพระราชทาน ร่วมใจอุ่นไอรัก อำเภอขนอม เป็นโรงพยาบาลสนามอีกหนึ่งแห่งด้วย สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด19 ระลอกใหม่ เดือนเมษายนของจังหวัดนครศรีธรรมราช ณ วันที่ 22 เมษายน 2564 มีผู้ป่วยโควิด -19 เพิ่มจำนวน 17 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมระลอกเดือนเมษายน ตั้งแต่วันที่ 1 - 22 เมษายน 2564 จำนวน 116 ราย รักษาหาย 1 ราย และยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 115 ราย
ขณะที่เฟซบุ๊ก “Arak Wongworachat“ ของนายแพทย์อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช มีการโพสต์ภาพการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์และพยาบาลที่ทำการช่วยเหลือดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด พร้อมระบุข้อความ “ ผู้ป่วยยอดรวมถึงวันนี้ 39 ราย กักตัวเสี่ยงสูง 32 ราย คาดว่าวันนี้ ยังมีรายใหม่มาเพิ่ม ในจำนวนนี้อย่างน้อย 8 ราย มีอาการปอดบวม ต้องรีบให้ยาต้านเชื้อไวรัส และดูแลใกล้ชิด การเอ็กซเรย์ภาพทรวงอก ในผู้ป่วยรับใหม่ทุกรายและติดตามเป็นระยะเมื่อมีอาการเปลี่ยนแปลง โดยการวัดค่าออกซิเจนในเลือดเป็นระยะ จะให้การรักษาได้ทันท่วงที เครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอล จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีไว้ประจำตึก การย้ายผู้ป่วยไปเอกซเรย์ที่ห้องเอกซเรย์ทั่วไป เป็นความเสี่ยงอย่างมากต่อการแพร่กระจายเชื้อไปสู่บุคคลอื่นและสูญเสียกำลังคนในระบบแพทย์ พยาบาล ประจำหอผู้ป่วย จะต้องอยู่ปฏิบัติงานต่อเนื่องอย่างน้อย 14 วันเต็มๆ เช้า บ่าย ดึก โดยไม่สามารถออกมาผลัดเปลี่ยนเวรได้ เมื่อครบ 14 วัน ถึงออกไปกักตัวต่อในสถานที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ อีก 14 วัน เพื่อลดความเสี่ยง ทีมสนับสนุนจากภายนอก ต้องประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน “ หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ชาวเน็ตเข้าแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย
ด้าน พ.ต.อ.กิตติพงศ์ ทองทิพย์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ประสานบริษัทประกันภัยเพื่อทำประกันโควิด-19 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งใหญ่ ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งโรงพักรวม 110 นาย โดยเป็นเงินส่วตตัวของ ผกก.ทั้งหมด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องออกปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะติดได้รับเชื้อโควิด-19 ได้ ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจการทำงานให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา อย่างไรก็ตามทาง ผกก.เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ไม่ประมาทการ์ดอย่าตกในการทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขพี่น้องประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี