วันที่ 29 เมษายน 2564 ความคืบหน้า ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนของนางสาวอิสรีย์ หรือแม่ชีอู๋ อายุ 49 ปี เจ้าสำนักสถานปฏิบัติธรรมวิปัสสนาพระพุทธสักขี ตั้งอยู่เลขที่ 210 หมู่ 1 บ้านดงโชค ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม โดยนางสาวอิสรีย์แต่งกายนุ่งห่มจีวรเลียนแบบพระสงฆ์ อ้างว่าเป็นพระยาธรรมมิกราช ร่วมกับสาวกที่เป็นแม่ชีประกอบด้วยนางดรุณี อายุ 45 ปีหรือแม่ชีทองพูน นางสาวไพลิน อายุ 31 ปีหรือแม่ชีการ์ตูน นางสาวมะลิวัลย์ อายุ 28 ปีหรือแม่ชีกาเต้ และนางกิติยา อายุ 46 ปีผู้เป็นฆราวาส รวม 5 คน
โดยทั้งหมดถูกส่งเข้าเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม ซึ่งนางสาวอิสรีย์ไม่มีญาติมาแสดงความจำนงขอยื่นประกันตัว มีเพียงทนายที่มาสอบถามรายละเอียดจากพนักงานสอบสวนเท่านั้น และแม่ชีการ์ตูนศาลฯตีราคาประกันตัวอยู่ที่ 160,000 บาท แม่ชีทองพูน 140,000 บาท และแม่ชีกาเต้กับนางกิติยามีข้าราชการขอใช้ตำแหน่งประกันตัวคนทั้งสอง แต่ศาลพิจารณาเห็นว่าทั้งหมดเป็นขบวนการที่ทำกันเป็นขั้นเป็นตอน มีผู้เสียหายจำนวนมาก ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว หากประกันออกไปแล้วเกรงจะหลบหนีจึงเห็นควรยกคำร้อง
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้าน ซึ่งปลูกอยู่กลางชุมชนพลุกพล่านริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2033 (หนองญาติ-นาแก) เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้สองชั้น 5 คูหา เดิมเปิดเป็นร้านขายของชำและอาหารตามสั่ง จากคำบอกเล่าของชาวบ้านเผยว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของ พ่อของนางสาวอิสรีย์เจ้าสำนักเถื่อนจอมต้มตุ๋น ซึ่งบริเวณหน้าบ้านยังหลงเหลือสภาพร้านค้าและอาหารตามสั่ง ประตูเหล็กหน้าบ้านปิดสนิท มีเพียงประตูไม้ที่มีคนเปิดออกมาสอบถาม เป็นหญิงทราบภายหลังว่าเป็นพี่สาวคนโตของนางสาวอิสรีย์ พอรู้ว่าผู้มาหาเป็นผู้สื่อข่าวก็ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับการที่น้องสาวนำบ้านไปจำนองกับนายทุนจนเกิดเรื่องฟ้องร้องกันในศาล และคดีอยู่ระหว่างชั้นฎีกา ขณะนั้นเองมีหญิงสูงวัยทราบว่าเป็นแม่ของนางสาวอิสรีย์เดินออกมา ก็ถูกลูกสาวจูงมือให้กลับเข้าไปในบ้านและปิดประตูหน้าบ้านทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากหลังนายพ่อของนางอิสรีย์เสียชีวิตลง นางสาวอิสรีย์ลูกสาวคนเล็กซึ่งในขณะนั้นยังสวมใส่ชุดปกติได้แอบไปขอให้นางสองมอบอำนาจในการเป็นผู้จัดการมรดก กระทั่งผู้เป็นแม่หลงเชื่อยินยอมมอบอำนาจให้ไปดำเนินการทางนิติกรรมต่างๆ ปรากฏว่านางสาวอิสรีย์นำโฉนดที่บ้านหลังนี้ไปขายฝากกับนายทุนในวงเงิน 5 ล้านบาท โดยไม่มีญาติพี่น้องล่วงรู้มาก่อน กระทั่งนายทุนมาตามถึงบ้านว่านางสาวอิสรีย์เอาที่บ้านไปจำนองขายฝาก แต่นายทุนยังเปิดโอกาสให้หาเงินต้นมาชำระ ซึ่งเวลาผ่านมากว่า 3 ปีก็ไม่มีใครหาเงินไปไถ่ถอนได้นายทุนจำเป็นต้องฟ้องศาล และปัจจุบันดำเนินการมาจนถึงศาลชั้นฎีกา ทั้งนี้ทางญาติพี่น้องยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องปล่อยให้บ้านที่เคยอยู่ถูกเปลี่ยนมือไปเป็นของคนอื่น ขณะที่นางสาวอิสรีย์ตัวต้นเหตุไม่สนใจใยดีว่าแม่จะต้องถูกขับไล่จากการกระทำของตน แม้จะมาตั้งสำนักอยู่ในพื้นที่ ต.หนองญาติก็ไม่เคยหาเยี่ยมหาผู่เป็นแม่แม้แต่ครั้งเดียวกระทั่งถูกจับกุมพร้อมสาวกในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
ต่อมาผู้สื่อข่าวไปที่ซอยพัฒนสุขชัย หมู่ 6 ต.หนองญาติ อยู่ด้านหลังโชว์รูมรถยนต์ พบกับชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้นทราบว่าพ่อของนางสาวอิสรีย์ ก่อนจะมารับราชการครูอดีตบวชเรียนขั้นมหา สึกออกมาก็แต่งงานอยู่กินกับนางสองมีลูกด้วยกัน 4 คน ซึ่งครอบครัวนี้ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ส่วนนางสาวอิสรีย์ก็เรียนจบในระดับปริญญาก่อนจะมาสวมชุดขาว เช่าบ้านหนึ่งหนึ่งที่อยู่ในซอยนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรมได้ประมาณ 2 ปีก็ย้ายไปอยู่ที่ใหม่บ้านดงโชค หมู่ 1 โดยชาวบ้านซอยพัฒนสุขชัยเผยว่า“การที่เขาเป็นเช่นนี้คงซึมซับด้านศาสนาจากพ่อแล้วมาปฏิบัติแต่เอาไปใช้ในทางที่ผิดจึงเกิดเรื่อง เสียดายมากเพราะครอบครัวนี้ชาวบ้านเคารพนับถือ และไม่คิดว่าจะต้องมาประสบชะตากรรมเช่นนี้”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สำนักพุทธแจง'ภิกษุณีลวงโลก'เทียบเท่าคนธรรมดา แจ้งข้อหาฉ้อโกง-ตร.หิ้วฝากขังวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี