เมื่อวันก่อน ได้มีพิธีลงนามสัญญาซื้อขายยางภายใต้ โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ระหว่างการยางแห่งประเทศ ไทย(กยท.) กับบริษัทนอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด(มหาชน)
ณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลงนามซื้อขายยางในครั้งนี้ เป็นไปตามมติของ
คณะรัฐมนตรี ที่ต้องการระบายยางเก่าเสื่อมสภาพเนื่องจากเก็บมาเป็นเวลานาน มีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสูงออกสู่ตลาด ซึ่งจะกระทบต่อตลาดปกติน้อยมากหรือไม่กระทบเลย เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลยางในตลาดยังมีน้อย อีกทั้งคุณภาพยางในสต๊อกที่ซื้อขายกันนั้นอยู่ในสภาพเสื่อม การนำไปใช้จึงต่างจากยางใหม่ที่มีอยู่ในตลาด และภาคเอกชนที่รับซื้อต้องขนย้ายยางให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 พ.ค.2564 ก่อนที่ยางใหม่จะออกสู่ตลาดอีกด้วย
ในทางตรงข้ามเกษตรกรชาวสวนยางจะได้รับประโยชน์จากสัญญาซื้อขายยางดังกล่าวด้วยซ้ำ
เพราะในสัญญาการซื้อขายยางดังกล่าว มีข้อกำหนดให้ผู้ที่ซื้อยางลอตนี้ไปจะต้องซื้อยางใหม่ของเกษตรกรชาวสวนยางด้วยดังนั้นเมื่อพิจารณาในระยะกลางและระยะยาวแล้ว เกษตรกรชาวสวนยางจะได้รับประโยชน์จากโครงการ เพราะเมื่อสต๊อกยางเก่าในโครงการฯหมด ปัจจัยกดดันในเรื่องราคายางก็จะหายไปด้วย ราคาก็จะมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น และเป็นไปตามกลไกของตลาดมากขึ้น
เมื่อตลาดมีปริมาณยางลดลง ในขณะที่ความต้องการเพิ่มขึ้นราคายางก็จะสูงขึ้น
กยท.บริหารจัดการยางในโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งเห็นชอบให้ กยท. จัดการขายสต๊อกยางในโครงการดังกล่าวให้หมดไปโดยเร็ว โดยให้ต้องคำนึงถึงระยะเวลา ราคาจำหน่ายให้เหมาะสม
สำหรับปริมาณยางในโครงการฯ มีจำนวนมากว่า 104,000 ตัน โดยที่ผ่านมา มีภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารยางทั้ง 2 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,822 ล้านบาท หากนำเงินก้อนนี้มาใช้บริหารจัดการยางในเรื่องอื่นๆ ได้ประโยชน์อีกเยอะ
อาจจะมีคำถามว่า รู้ได้อย่างไรว่า ยางในสต๊อกที่นำออกมาขายนั้นเป็นอย่างเสื่อมสภาพ?
เรื่องนี้ไม่ยากครับ เพราะมีการดำเนินการตรวจสอบปริมาณยาง การตรวจสอบคุณภาพยางอย่างสม่ำเสมอ โดยผู้แทน
เกษตรกรชาวสวนยางและ กยท. ได้เข้าตรวจสภาพยางในสต๊อกเป็นประจำ เพื่อให้ทราบถึงคุณภาพยางที่มีอยู่ในโครงการ
ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ประธานกรรมการ กยท. ได้นำผู้บริหาร กยท. เข้าตรวจดูคุณภาพยางในโกดัง ณ อ.ขุนทะเล จ.สุราษฎร์ธานี โดยพบว่า เป็นยางที่เก็บมาตั้งแต่ปี 2555 ขณะนี้ก็ 9 ปีแล้ว ยางส่วนใหญ่จึงเป็นยางที่เสื่อมสภาพ
ส่วนผู้ที่จะมาซื้อยางนั้นจะพิจารณาด้วยวิธีการเชิญชวนผู้มีคุณสมบัติเข้าเสนอราคา แล้วพิจารณาคัดเลือก แบบเหมาคละคุณภาพ และที่สำคัญคือ ผู้ชนะการประมูลต้องสมัครใจ ซื้อยางจากสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง จำนวนถึง 105,000 ตัน อีกด้วย
การลงนามซื้อขายยางในครั้งนี้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเกษตรกรชาวสวนยางได้ประโยชน์แน่นอน
รัฐศักดิ์ พลสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี