ท่ามกลางความวุ่นวายยุ่งเหยิงของวิถีการใช้ชีวิต การดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดและนานาทัศนะของผู้คนในปัจจุบัน ทำให้ผู้เขียนมีความรู้สึกว่า ชีวิตเราหนึ่งชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานแต่กลับให้รู้สึกถึงความไวเหลือเกินไวจนนึกโหยหาความเป็นอดีตที่สงบสามัคคีและร่มเย็นกว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเช่นนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เคยผ่านริ้วรอยของยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน การบูรณการอันนำไปสู่การพัฒนาของเทคโนโลยี รวมถึงพฤติกรรมของผู้คน หากแต่สิ่งหนึ่งที่ผู้หลักผู้ใหญ่ หรือคนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจอนุรักษ์ต่างดำรงไว้เพื่อให้คงอยู่ถึงความเป็นไทย นั่นคือวัฒนธรรมที่เปรียบเสมือนมรดกล้ำค่าคงความเป็นเอกลักษณ์ไทยจากรุ่นสู่รุ่น
การเดินทางของชีวิตหนึ่งนั้นว่ายาวนานแล้ว แต่ทว่าการเดินทางของแผ่นดินที่เคยได้ชื่อว่า “สยาม” นั้นกลับยาวนานยิ่งกว่า หากจะนำเรื่องราวมาบันทึกเป็นตัวอักษร ทั้งหมด ระยะทางรอบดินแดนแห่งนี้จะเพียงพอเป็นพื้นที่สำหรับตัวอักษรให้ผู้คนได้บอกเล่าหรือไม่ ผู้เขียนยังไม่แน่ใจ
จนกระทั่งมาให้เห็นหนังสือ “ชุมชนดั้งเดิม ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์” ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อการเผยแพร่โดย กระทรวงวัฒนธรรม จึงได้รับรู้ถึงความเป็นมาของจังหวัดเพชรบุรีที่มีเนื้อหาน่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับคนในยุคใหม่ที่มีไม่มากนัก จะมีโอกาสได้รับรู้ถึงความงดงามของประเทศสยามในอดีตที่รุ่งเรืองไม่แพ้เมืองสำคัญใหญ่ๆ ของโลกเช่นกันผู้เขียนจึงได้เข้าไปค้นคว้าหาเรื่องราวจากอดีตอันงดงามของเมืองเพชรบุรีเมื่อร้อยปีก่อนมาเพิ่มเติมให้อ่านกันละเอียดมากขึ้น
เมืองเพชรบุรี มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยโบราณและเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของไทยในกลุ่มหัวเมืองฝ่ายตะวันตกตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำเพชรบุรีเป็นแหล่งอยู่อาศัยของชุมชนมาแต่สมัยประวัติศาสตร์ และมีพัฒนาการเข้าสู่ยุคสมัยต่างๆ จากฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเพชรบุรี มีวัดกำแพงแลง และย้ายมายังฝั่งตะวันตกซึ่งมีวัดมหาธาตุเป็นศูนย์กลางสืบเนื่องมาจนถึงสมัยสุโขทัย อยุธยา เป็นเมืองท่าค้าขายทางเรือที่สำคัญ มีภูมิประเทศทั้งเป็นที่สูงติดเทือกเขาและที่ราบชายฝั่งทะเล มักเรียกชื่อสั้นๆ ว่า เมืองเพชร ปรากฏชื่อเรียกในเอกสารต่างประเทศ เช่น พิพรีย์ พิพพีล์ หรือ ฟิฟรี และจากหลักฐานในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปรากฏชื่อว่าศรีชัยวัชรปุร อีกด้วย
อนุสรณ์แห่งพระราชวังรามราชนิเวศน์ได้ก่อผลให้เกิดอนุสรณ์ต่างๆ ใน จ.เพชรบุรี อีกมากมาย เช่น ถนนราชดำเนิน ถนนราชดำริ ถนนดำรงรักษ์ ถนนบริพัตร สะพานอุรุพงษ์ ถนนหาดเจ้าสำราญ รถไฟสายหาดเจ้าสำราญต้นมะฮอกกานี และทุนศิลปาชีพ สิ่งเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อชาวเพชรบุรีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะถนนทั้ง 4 สายคือ ถนนราชดำเนิน ดำรงรักษ์ ราชดำริ และถนนบริพัตร ที่ทรงปลูกต้น “มะฮอกกานี” เกือบ 1,000 ต้น ประดับริมถนน เป็นพันธุ์จากต่างประเทศในคราวเสด็จประพาสยุโรป ครั้งที่ 2
มะฮอกกานี เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่เนื้อแข็ง ใบใหญ่ มีกลิ่นหอม เป็นไม้เศรษฐกิจและนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ เป็นไม้ที่พระองค์ทรงรักและหวงแหนยิ่ง ได้ให้ความร่มรื่น สวยงาม เป็นศักดิ์เป็นศรีแก่บ้านเมืองเป็นพระราชมรดกให้ลูกหลานชาวเมืองเพชรได้อนุรักษ์และภูมิใจตลอดมา
แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้ หน่วยราชการภาครัฐ ได้โค่นและตัดต้นมะฮอกกานีไปเกือบหมด บางส่วนเคลื่อนย้ายไว้ในอุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) โดยให้เหตุผลว่าเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร และอุบัติเหตุ ไม่เว้นแม้แต่ต้นมะฮอกกานีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเคยอยู่หน้าพระราชวังแห่งนี้
ผู้เขียนคิดว่าจะเขียนเรื่องของ จังหวัดเพชรบุรี ให้จบลงในตอนเดียว แต่ทั้งจากเนื้อหาที่ได้มาจากหนังสือ “ชุมชน
ดั้งเดิม ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์” และจากการค้นคว้าเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง ล้วนแต่มีความสนุก น่ารู้ และน่าภาคภูมิใจยังมีอีกมากมาย ไม่สมควรที่จะปล่อยให้หลุดหายไปเฉยๆ เลยขออภัยที่จะต้องขอเก็บไว้ลงเป็นตอนที่ 2 ในวันอังคารหน้าก็แล้วกันนะคะมันยากที่จะตัดสินใจทิ้งจริงๆ เจ้าค่ะเจ้านายขา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี