สพฐ.เผยมี ร.ร. พร้อมเปิดเรียน 3 ช่วง ช่วง 1 มิ.ย.1.2 หมื่นโรง ช่วง 14 มิ.ย. 1.5 หมื่นโรง และช่วง 2-13 มิ.ย.อีก 171 โรง
วันที่ 1 มิถุนายน 2564 ที่พิพิธภัณฑ์การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) และ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ร่วมแถลงแนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และการปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย และสถานที่ทำงานของบุคลากร
โดยนายสุภัทร เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ตนได้ลงนามในประกาศป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 โดยแบ่งเป็นพื้นที่ 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขอให้หน่วยงานในสังกัดศธ.ไม่ใช่สถานศึกษา จัดบุคลากรหมุนเวียนมาปฏิบัติงาน ณ สถานที่ทำงาน ไม่เกิน 10% ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ให้จัดบุคลากรหมุนเวียนมาปฏิบัติงานตามความเหมาะสม ส่วนอีก 73 จังหวัด หากจะเปิดภาคเรียน ต้องได้รับอนุญาตจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ก่อน
นายสุภัทร กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น ขณะนี้หลายพื้นที่ได้มีการฉีดวัคซีนนำร่องไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งรัฐและเอกชน และจะมีการปูพรมฉีดทั่วประเทศในวันที่ 7 มิถุนายน ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯจัดให้ฉีดที่สถานีกลางบางซื่อ กว่า 3 หมื่นคน โดยจะมีการจัดเป็นรอบ ๆ เพื่อลดความแออัด และจะทยอยฉีดจนครบทุกคน ส่วนในจังหวัดต่าง ๆได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) เพื่อประสานให้ครูได้รับการฉีดวีรซีนด้วยเช่นกัน
ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ดำเนินการสำรวจโรงเรียนที่พร้อมจัดการเรียนการสอน รวมทั้งสิ้น 28,698 แห่ง ไม่รวมสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ(สศศ.) โดยมีโรงเรียนที่พร้อมเปิดเรียนในวันที่ 1 มิถุนายน จำนวน 12,571 แห่ง เปิดเรียน วันที่ 14 มุนายน 15,951 แห่ง และเปิดเรียน วันที่ 2 – 13 มิถุนายน 171 แห่ง สำหรับการเรียนการสอนจะมี 5 รูปแบบ คือ 1. On Site ให้มาเรียนในโรงเรียนได้ตามปกติในพื้นที่ที่ไม่ใช่สีแดง แต่ต้องเว้นระยะหรือลดจำนวนนักเรียนต่อห้องลง 2. On Air คือการออกอากาศผ่าน DLTV เป็นตัวหลักในการกระจายการสอน และผ่านทีวีช่อง 5,9,ไทยพีบีเอส 3. Online ให้ครูเป็นผู้จัดการเรียนการสอน ผ่านเครื่องมือที่ทางโรงเรียนกระจายไปสู่นักเรียน 4. On Demand เป็นการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่ครูกับนักเรียนใช้ร่วมกัน และ 5. On Hand หากจัดในรูปแบบอื่น ๆที่กล่าวมาไม่ได้ ให้โรงเรียนจัดแบบ On Hand คือจัดใบงานให้กับนักเรียน เป็นลักษณะแบบเรียนสำเร็จรูป ให้นักเรียนรับไปเป็นชุดไปเรียนด้วยตัวเองที่บ้าน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริบทของโรงเรียนแต่ละแห่ง โรงเรียนสามารถจัดสอนแบบคละรูปแบบและวิธีการเรียนการสอนได้ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครองเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่าง สำรวจจำนวนครูและนักเรียนที่เรียนผ่านระบบออนไลน์เพื่อประสานกับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ช่วยเหลือดูแลค่าอินเตอร์เน็ตให้กับครูและนักเรียนต่อไป
“การจัดการเรียนการสอนครั้งนี้ ไม่ได้ใช้ครูหรือโรงเรียนเป็นฐาน แต่ให้โรงเรียนปรับแบบการเรียนให้เหมาะสม สามารถนำวิธีการแต่ละรูปแบบมาจัดสอนแบบคละกันได้ โดยยึดความพร้อมและความสมัครใจของนักเรียนเป็นสำคัญ เมื่อนักเรียนเลือกช่องทางใดก็ให้สื่อสารกับครู และจัดสอนตามรูปแบบที่นักเรียนต้องการ ส่วนโรงเรียนประจำ ได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เพื่อให้เข้าไปช่วยดูแลสุขอนามัยของนักเรียนในการเตรียมการเปิดภาคเรียนในการคัดกรองและแนะนำการปฏิบัติตัวภายในโรงเรียน พร้อมทั้งให้คำแนะนำกับครูอนามัยในโรงเรียนประจำ โดยเฉพาะกลุ่มโรงเรียนราชประชานุเคราะห์และโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ ที่มีนักเรียนเดินทางมาจากหลากหลายพื้นที่ จะต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยหากเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ต้องจัดแยกเป็นกลุ่มก่อนเพื่อประเมินสถานการณ์ 14 วัน หลังจากนั้นค่อยเข้ามาสู่ระบบการเรียนปกติ” นายอัมพร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี