จับแล้ว‘ลุงพล’

โดนหนัก3ข้อหา/คดี‘น้องชมพู่’

เจ้าตัวยังปฏิเสธทุกข้อหา

ผบ.ตร.ชี้หลักฐานสมบูรณ์

ตร.หิ้วขึ้นฮ.ส่งสภ.กกตูม

ตำรวจ บุกจับ “ลุงพล” คดี “น้องชมพู่” แต่“ทนายษิทรา”โผล่พาเข้ามอบตัว ผบ.ตร. ด้าน“บิ๊กปั๊ด”แถลงคลี่ปมเหตุ ยันพยานหลักฐานสมบูรณ์ มั่นใจเอาผิดได้ส่งตัวขึ้นฮ.ไปดำเนินคดี ที่ สภ.กกตูม เจ้าตัวยังปฏิเสธข้อกล่าวหา

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.พร้อมคณะ แถลงจับกุมนายไชย์พล วิภา หรือ‘ลุงพล’อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมุกดาหาร ข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาฯ , ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแลเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมก่อนการชันสูตรพลิกศพฯ หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ‘น้องชมพู่’ อายุ 3 ปี หลานของนายไชย์พล เหตุเกิดในพื้นที่ ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้เนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ ได้หายตัวไปจากบ้านพัก น.ส.จุไรภรณ์ สุขพันธุ์ หรือน้าต่าย ซึ่งติดกับบ้านของน้องชมพู่ จากนั้น น.ส.สาวิตรี วงศ์ศรีชา มารดาน้องชมพู่ ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.กกตูม ก่อนมีการระดมค้นหา ต่อมา วันที่ 14 พฤษภาคม จึงพบศพน้องชมพู่ สภาพเปลือยบนภูเหล็กไฟ ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ทางตำรวจได้ตั้งคณะทำงานเพื่อคลี่คลายคดีขึ้นทันที และมีการสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่อง มีการสอบปากคำพยานไว้ถึง 384 ปาก นำเข้าสำนวนคดี 120 ปาก รวบรวมพยานวัตถุ 113 ชิ้น พยานวัตถุจากบุคคลต้องสงสัย 166 ตัวอย่าง ส่งตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบ นำส่งให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ข้อมูลและประเมินผลไว้แล้ว

ทั้งนี้ การรวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ สรุปได้3 ประเด็น คือ 1.การกระทำของคนร้ายมีการพาเหยื่อไปทิ้งที่ไกลๆ เพื่ออำพรางคดี ซึ่งเป็นแผนประทุษกรรมของคนร้ายที่เป็นคนใกล้ชิดกับเหยื่อ หากปล่อยให้เหยื่อยังมีชีวิตอยู่จะสามารถชี้ยืนยันตัวเองว่าเป็นผู้กระทำผิดได้ 2.ช่วงเวลาที่น้องชมพู่ หายตัวไป พี่สาวของน้องชมพู่ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 10 เมตร แต่กลับไม่ได้ยินเสียงร้องทั้งที่อุปนิสัยของน้องชมพู่ จะเป็นคนหวงตัว หากไม่ใช่บุคคลใกล้ชิดจะร้องเสียงดังและ3.บริเวณจุดพบศพบนภูเหล็กไฟ พบรองเท้า รถแมคโครของเล่นตกอยู่ ยืนยันได้ว่าน้องชมพู่ เต็มใจเดินไปกับคนร้าย มิฉะนั้นของเล่น หรือรองเท้าจะไม่ติดตัวน้องชมพู่ ไปถึงจุดพบศพอย่างแน่นอน โดยทั้ง 3 ประเด็น มีพยานหลักฐาน ทั้งบุคคลใกล้ชิดและพยานผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ยืนยันได้ว่านายไชย์พล เป็นผู้พาน้องชมพู่ ไปจากบ้านที่เกิดเหตุ

ภายหลัง นายไชย์พลได้พาน้องชมพู่ ซ่อนตัวไว้ในป่าท้ายหมู่บ้านหลังจากเสร็จธุระย้อนกลับมา จึงพบว่าน้องชมพู่ ยังไม่เสียชีวิต จึงนำตัวไปทิ้งไว้บนภูเหล็กไฟ กระทั่งเสียชีวิตเพราะขาดน้ำและอาหาร จากนั้นได้จัดการศพโดยถอดเสื้อผ้าและถ่างขาให้เหมือนถูกกระทำชำเรา ใช้มีดหรือของมีคมตัดหรือสับหรือฟันเส้นผมตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ ส่วนการตรวจค้นรถยนต์ของนายไชย์พล พบวัตถุพยานที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่ามาจากศพน้องชมพู่ หลังจากเสียชีวิต จึงเชื่อว่านายไชย์พล เกี่ยวข้องกับการจัดการศพ เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นการสืบสวน ปกปิดร่องรอยพยานหลักฐาน จึงนำไปสู่การออกหมายจับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้าที่จะมีการแถลงข่าวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความของนายไชย์พลได้พาตัวผู้ต้องหาเข้ามอบตัวกับพล.ต.อ.สุวัฒน์ ขณะที่นายไชย์พลนั้นได้เดินทางมาพร้อมกับนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น ภรรยาซึ่งทางตำรวจได้เชิญตัวไปยังห้องสอบสวนโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายใน โดยหลังจากนายไชย์พล ถูกแจ้งข้อหา ได้ถูกจับใส่กุญแจมือและพาตัวไปยัง สน.ปทุมวัน เพื่อบันทึกการเข้ามอบตัว ซึ่งนายไชย์พล มีสีหน้าเรียบเฉย โดยมีนายษิทรา ร่วมเดินทางไปด้วย

ต่อมา เวลา 13.10 น.ทางเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายไชย์พล เดินทางไปยังกองบินตำรวจ ก่อนจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยัง สภ.กกตูมโดยระหว่างการคุมตัวขึ้นรถผู้ต้องหา นางสมพร และนายษิทรา ได้ขึ้นรถไปพร้อมกันด้วย แต่ไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอทำข่าวและซักถามในประเด็นต่างๆ แต่อย่างใด ขณะที่พนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน ระบุว่านายไชย์พล ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนเรื่องการประกันตัว เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สภ.กกตูม จะที่พิจารณาต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าช่วงเช้าตรู่วันเดียวกัน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.ภ.7 ได้นำกำลังฝ่ายสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบ เปิดปฏิบัติการ‘ฟ้าสางกลางกกกอก’นำหมายศาลเข้าตรวจค้นเพื่อติดตามจับกุม นายไชย์พล ในพื้นที่บ้านกกกอก อ.ดวงหลวง จ.มุกดาหาร แต่ก็ไม่พบตัวที่บ้านพักแล้ว ก่อนจะได้รับการประสานจากนายษิทรา ในเวลาต่อมาว่านายไชย์พล จะขอเข้ามอบตัวกับทางตำรวจ และมีการแจ้งหมายแก่สื่อมวลชนด้วย จากนั้น จึงมีการเข้าพบ ผบ.ตร.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังกล่าว