‘บอร์ด กพฐ. เตรียมแผนรับเปิดเทอม แนะ ‘สพฐ.’ ประเมินผลสัมฤทธิ์การเรียน 5 รูปแบบ เพื่อให้ทราบว่ารูปแบบไหนนักเรียนได้ความรู้มากสุด ก่อนนำไปพัฒนาต่อยอด
วันที่ 11 มิถุนายน 2564 นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุม กพฐ. ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอแนวทางการจัดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกสาม จากการสำรวจข้อมูลการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พบว่าโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) จำนวน 183 เขต เปิดวันที่ 1 มิถุนายน 11,625 แห่ง เปิดวันที่ 14 มิถุนายน 14,661 แห่ง เปิดเรียนวันอื่น ๆ 313 แห่ง
โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) จำนวน 62 เขต เปิดวันที่ 1 มิถุนายน 1,293 แห่ง เปิดวันที่ 14 มิถุนายน 1,005 แห่ง เปิดเรียนวันอื่น ๆ 61 แห่ง โรงเรียนในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ(สศศ.) เปิดวันที่ 1 มิถุนายน 30 แห่ง เปิดวันที่ 14 มิถุนายน 70 แห่ง ซึ่งโรงเรียนจัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตามบริบทของพื้นที่ และสามารถจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบที่ สพฐ.วางไว้ 5 รูปแบบ คือ 1.การจัดการเรียนการสอนปกติที่โรงเรียน (On-Site) 2.การจัดการเรียนการสอนผ่านระบบโทรทัศน์ (On-Ari) 3.การจัดการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (On-Demand) 4.การจัดการเรียนการสอบแบบถ่ายทอดสด (On-Line) และ 5.การจัดการเรียนการสอนด้วยการนำส่งเอกสารที่บ้าน (On-Hand) ทั้งนี้ การจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบต่าง ๆ โรงเรียนต้องขออนุญาตศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ประจำจังหวัดด้วย
นายเอกชัย กล่าวต่อว่า ที่ประชุมเสนอว่าการเรียนการสอน 5 รูปแบบนี้ จะต้องประเมินผลสัมฤทธิ์การเรียนของนักเรียนด้วย ว่าเมื่อนักเรียนได้เรียนผ่าน 5 รูปแบบที่กำหนดไว้ มีผลสัมฤทธิ์การเรียนเป็นอย่างไร เพราะถ้าไม่ประเมินผลก็จะไม่เกิดประโยชน์กับการเรียน ซึ่งที่ประชุมไม่ได้มองความสำคัญของรูปแบบการจัดการเรียนการสอน แต่ให้ความสำคัญว่าจะต้องมีระบบประเมินการเรียนในแต่ละรูปแบบที่ชัดเจนด้วย เพื่อให้ทราบว่าการเรียนในรูปแบบไหนเห็นผลสัมฤทธิ์ และนักเรียนได้ความรู้มากที่สุด หากทราบว่ารูปแบบไหนทำให้นักเรียนได้รับความรู้มาก ก็สามารถพัฒนาต่อยอดต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา รับเรื่องนี้ไปดำเนินการต่อแล้ว ทั้งนี้ ตนข้อเสนอที่ประชุมพิจารณาว่า ขณะนี้เด็กเรียนออนไลน์มากขึ้น อาจจะทำให้ครูไม่สามารถวัดและประเมินผลเด็กได้ โดยเฉพาะนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ดังนั้น หากจะให้เด็กชั้นประถมเลื่อนชั้นขึ้นไป ก็ควรให้ครูประจำชั้นเลื่อนตามนักเรียนไปด้วย เพราะครูเป็นผู้รู้จุดอ่อน จุดแข็งของนักเรียนในการเรียนออนไลน์ในปีที่ผ่านมา ซึ่งครูจะสามารถเติมความรู้ให้กับเด็กได้
”ผมเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาว่า การเรียนออนไลน์ โรงเรียนไม่ควรจะจำกัดเฉพาะนักเรียนของตนเองเท่านั้น ควรให้นักเรียนได้เรียนออนไลน์ต่างโรงเรียนได้ด้วย เช่น โรงเรียนแข่งขันสูงควรเปิดโอกาสให้นักเรียนลงทะเบียนเรียนได้ ซึ่งจะทำให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างเปิดกว้าง สิ่งที่ตามมาคือ นักเรียนจะมีทักษะ SDL หรือ Self Directed Learning มากขึ้น ทำให้นักเรียนสามารถกำหนดเนื้อหา และทำการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองได้ เป็นการช่วยเพิ่มทักษะการหาข้อมูล ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับนักเรียนในอนาคตได้ นอกจากนี้ ที่ประชุมเสนอว่า การเรียนการสอนในปัจจุบันต้องพยายามหลีกเลี่ยงการย้ายห้องเรียนไปอยู่บ้านของเด็ก ควรจะเน้นสัมฤทธิ์ผลการเรียน และสมรรถนะที่เด็กน่าจะทำได้รับ ดังนั้น โรงเรียนและครูควรยืดหยุ่นเรื่องการนับเวลาเรียน หรือจำนวนวันที่เรียน ซึ่งทางสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา รับเรื่องนี้ไปพิจารณาแล้ว” นายเอกชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี