บริเวณตรอกเฟื่องนคร และตรอกวิสูตร ย่านทำทองในสมัยก่อน พ.ศ.๒๔๔๐
ใครที่เกิดในจังหวัดกรุงเทพมหานคร หรือใช้ชีวิตอยู่เป็นระยะเวลานานจนคุ้นเคยจะสังเกตว่า จังหวัดกรุงเทพฯนั้น มีหลายชุมชนที่มีชื่อเรียกบ่งบอกถึงอาชีพหลักของชุมชนนั้นๆอย่างไม่ต้องคาดเดา ถือเป็นอัตลักษณ์หนึ่งของชุมชนดั้งเดิมในกรุงเทพมหานคร
ผู้เขียนได้ศึกษาข้อมูลจากหนังสือ ชุมชนดั้งเดิม ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์ ซึ่งกล่าวถึงงานช่างและงานหัตถกรรมไว้อย่างน่าสนใจ และจุดประกายให้เด็กที่เกิดในกรุงเทพฯ เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนอย่างผู้เขียน รู้สึกอยากกลับไปเรียนเลือกเรียนวิชาช่างขึ้นมาทันที
สัปดาห์นี้จึงขอนำเรื่องราวมาเล่าต่อ ถือซะว่าเรามาชวนกันย้อนเวลากลับสู่กรุงเทพฯยุคที่สงบเงียบ เรียบง่าย ผู้คนน้อยๆ ถนนก็โล้งโล่ง อากาศปลอดฝุ่นควัน ไปด้วยกันนะคะ..
ใจความตอนหนึ่งของหนังสือกล่าวไว้ว่า ช่วงรัชกาลที่ ๑ ถึง รัชกาลที่ ๕บริเวณรอบพระนครและภายในพระนคร เป็นพื้นที่บ้านเรือนของขุนนางเสนาบดีส่วนรอบนอกออกไปเป็นอาคารห้องแถวหรือย่านตลาดของชุมชนชาวจีนในสำเพ็งและเยาวราช ซึ่งราษฎรส่วนใหญ่เป็นชุมชนหมู่บ้าน มีอาชีพทำหัตถกรรมพื้นบ้านและค้าขาย เช่น ทอผ้า ทำพานเงิน จักสาน ทำบาตรพระ ทำเครื่องทอง ตีทองคำเปลว ทำโอ (ภาชนะใส่ของ) สายรัดประคด ช่างก่ออิฐถือปูน ฯลฯ ซึ่งจะมีทั้งที่เป็นกลุ่มคนที่อยู่มาแต่เดิม และกลุ่มคนมีฝีมือที่ย้ายมาจากแหล่งอื่น เช่น เขมร ทวาย มลายู ญวน และลาว เป็นต้น ส่วนใหญ่ได้รับพระราชทานที่ดินเพื่อตั้งบ้านเรือน และศาสนสถานประจำชุมชน บางส่วนเข้ารับราชการเป็นช่างหลวง สังกัดกรมกองต่างๆ เช่น ช่างทองเชื้อสายมลายูมุสลิม ช่างทำพานหรือเครื่องเงินเชื้อสายลาว ซึ่งจะไม่ถูกเกณฑ์แรงงานและสามารถได้รับบรรดาศักดิ์ ขึ้นอยู่กับเจ้านายและขุนนางระดับสูง ตามวังต่างๆ เรียกกันว่าช่างเชลย
ช่างในหมู่ไพร่หลวงของราชสำนัก ประกอบด้วย ช่างฝีมือหลายแผนกด้วยกันเช่น ช่างเขียน ช่างปั้น ช่างรัก ช่างปูน ช่างแกะช่างกลึง ช่างหุ่น ช่างหุนกระจก ช่างบุช่างหล่อ ช่างแผ่ดีบุก ช่างเหล็ก ช่างเรือช่างดอกไม้เพลิง ช่างสลักหนัง ช่างชาดสีสุกช่างฉลองพระบาท ช่างเลื่อยงา ช่างฟอก ช่างบาตร ช่างประดับกระจก ช่างปิดกระจกช่างดัดต้นไม้ ช่างเหลารางปืน ช่างเงิน ช่างทองช่างมุก ช่างย้อมผ้าสีขี้ผึ้ง ช่างต่อฝาบาตรช่างเขียนน้ำกาว ช่างสาน ช่างคร่ำ ช่างทอสายคัมภีร์ ช่างทำฝักพระแสง ช่างสานพระมาลา ช่างทำกรรไกร ช่างชำระพระแสง ช่างฟันช่อฟ้าหางหงส์ ฯลฯ แสดงให้เห็นว่าในเมืองพระนครนั้น มีชุมชนที่มีฝีมือในเชิงต่างๆ เพื่อรับใช้ราชสำนัก โดยเฉพาะในยุคสร้างบ้านแปงเมือง เพื่อให้พระราชวังสง่างามเฉกเช่นครั้งกรุงศรีอยุธยา
ชุมชนวัดสระเกศ ย่านทำพลุตะไล และดอกไม้ไฟ
นอกจากช่างหลวง ก็ยังมีช่างชาวบ้านทั่วไปสืบทอดมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ช่างฝีมือบางประเภทขาดการสืบสอบ ส่งผลให้สูญหายไป ที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบันเพียงไม่กี่ประเภท เช่น
งานช่างโลหะ เช่น บาตรพระขันลงหิน ขันน้ำพานรอง เครื่องถมช่างเงินช่างทอง ทองคำเปลวอยู่ที่ชุมชนบ้านบุ บ้านบาตร บ้านช่างหล่อบ้านพานถม ตรอกบวรรังษี ตรอกมัสยิดจักรพงษ์ และชุมชนวัดสุทัศน์เทพวราราม
เครื่องดนตรีไทย แถววัดใหม่อมตรส รวมถึงงานปักชุดโขน ตรอกเขียนนิวาสน์-ไก่แจ้ ชุมชนทำขลุ่ยและแคนที่บ้านลาว หัวโขน เครื่องแต่งตัวละคร ตุ๊กตานางรำ ในบ้านโขนไทยซอยท่าน้ำวัดสุวรรณ
งานประดิษฐ์ เช่น งานร้อยพวงมาลัย งานแกะสลักผลไม้ แถบแพร่งภูธร งานแทงหยวก แถววัดใหม่อมตรส ทำกรงนกเขา และงานเครื่องจักสานที่หนองจอก
ทำหม้อ และ ภาชนะหุงต้ม ที่บ้านหม้อ ชุมชนญวนที่อพยพเข้ามาตั้งแต่กรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันบ้านหม้อเป็นย่านร้านค้าเครื่องเพชร อัญมณีและเครื่องประดับ
งานถักทอสายรัดประคดถุงตะเคียวหุ้มบาตรพระ ที่ชุมชนบ้านสายตรงข้ามวัดเทพธิดาราม ชุมชนตรอกพระยาเพชรฯ หรือป้อมมหากาฬ และนำส่งไปจำหน่ายที่ย่านสังฆภัณฑ์ ตลาดเสาชิงช้า กล่าวกันว่าการทอสายรัดประคดที่บ้านสายรัดประคด เริ่มขึ้นครั้งแรกตั้งแต่รัชกาลที่ ๔ เมื่อราว พ.ศ.๒๔๐๐
งานทอผ้า ที่ชุมชนบ้านครัวซึ่งเป็นชุมชนมลายู
งานไม้ ที่ชุมชนวัดสระเกศโรงเลื่อยไม้แถวบางโพ ซึ่งเป็นกลุ่มชาวจีนไหหลำ
งานทำพลุตะไล และดอกไม้ไฟ อยู่บริเวณย่านหลังวัดสระเกศ
โอ้..กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมร สมแล้วที่เป็นมหานครอันเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย และภูมิปัญญาของผู้คนที่พานำไปสู่การพัฒนา เปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมใหม่ วิถีชีวิตแบบใหม่ มีเรื่องชวนให้อยากค้นหาไม่รู้จบสิ้น
โอกาสหน้าผู้เขียนจะแตกประเด็นงานช่างหรืองานหัตถกรรมเด่นๆของบางชุมชนในกรุงเทพฯตั้งแต่อดีตสู่ยุคปัจจุบันมาเล่าให้อ่านกันอีกครั้ง หวังว่าคงยังไม่เบื่อกันนะคะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี