หัวอก‘ครู ผู้ปกครอง นักเรียน’ กับการเรียนออนไลน์
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของครู ผู้ปกครอง นักเรียนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 3,749 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 14-17 มิถุนายน 2564 หัวข้อ “หัวอกครู ผู้ปกครอง นักเรียน กับการเรียนออนไลน์” เพื่อสะท้อนความคิดเห็นกรณีวันที่ 14 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา เป็นวันเปิดภาคเรียนทั่วประเทศ แต่เนื่องจากยังอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้สถานศึกษาส่วนใหญ่ยังไม่สามารถทำการเรียนการสอนแบบออนไซต์ได้ จึงต้องใช้วิธีการเรียนออนไลน์ ทำให้ทุกฝ่ายต้องปรับตัวให้พร้อมรับกับการเรียนแบบออนไลน์ สรุปผลได้ ดังนี้
1. จากที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้เปิดเรียนวันที่ 14 มิถุนายน 2564 ประชาชนคิดว่า ณ วันนี้ มีความพร้อมหรือไม่
ไม่พร้อม 51.35%
พร้อม 32.33%
ไม่แน่ใจ 16.32%
2. ประชาชนคิดว่าการศึกษาไทย ณ วันนี้ พร้อมที่จะเรียนออนไลน์หรือไม่
ไม่พร้อม 63.30%
พร้อม 21.31%
ไม่แน่ใจ 15.39%
3. สิ่งที่ “ครู ผู้ปกครอง นักเรียน และประชาชนทั่วไป” กังวลเกี่ยวกับการเรียนออนไลน์ คือ
3.1) ครู
อุปกรณ์ไม่พร้อม อินเทอร์เน็ตช้า 77.18%
ผู้ปกครองไปทำงาน ไม่มีใครดูแลผู้เรียนที่บ้าน 69.74%
ผู้เรียนไม่เข้าใจ/เรียนไม่ทัน 67.31%
3.2) ผู้ปกครอง
ไม่มีสมาธิ ขาดความกระตือรือร้น 66.16%
ไม่เข้าใจเนื้อหาที่ครูสอน 64.64%
ผู้เรียนได้ความรู้ไม่เต็มที่ 61.65%
3.3) นักเรียน
เรียนไม่เข้าใจ เรียนไม่ทัน 74.25%
ไม่ได้พบเพื่อน ไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน 63.47%
ได้ความรู้ไม่เท่ากับเรียนในห้องเรียน 62.28%
3.4) ประชาชนทั่วไป
ไม่มีสมาธิในการเรียนเท่าที่ควร 65.80%
ไม่เข้าใจเนื้อหา เรียนไม่ทัน 61.92%
อุปกรณ์ไม่พร้อม เช่น แท็บเล็ต อินเทอร์เน็ต 60.26%
4. สิ่งที่อยากให้ภาครัฐ/สถานศึกษาช่วยเหลือเกี่ยวกับการเรียนออนไลน์ คือ
อันดับ 1 สนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับเรียนออนไลน์ 62.22%
อันดับ 2 มีส่วนลด/ใช้อินเทอร์เน็ตฟรีสำหรับผู้เรียน 58.28%
อันดับ 3 มีส่วนลดค่าบำรุงการศึกษา 55.80%
อันดับ 4 จัดการเรียนการสอนโดยเข้าใจถึงความแตกต่างของผู้เรียน 50.30%
อันดับ 5 มีนโยบายและมาตรการส่งเสริมการเรียนออนไลน์ 49.57%
5. ประชาชนคิดว่าการเรียนออนไลน์จะส่งผลกระทบต่อการศึกษาระดับชั้นใดมากที่สุด
ระดับปฐมวัย 35.57%
ระดับประถมศึกษา 33.77%
ระดับมัธยมศึกษา 23.51%
ระดับอุดมศึกษา 7.15%
6. ประชาชนคิดว่าการเรียนออนไลน์จะทำให้คุณภาพการศึกษาไทยเป็นอย่างไร
แย่ลง 68.52%
เหมือนเดิม 25.40%
ดีขึ้น 6.08%
* หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า เมื่อการเรียนออนไลน์ต้องมาเป็นทางเลือกหลัก แต่ยังมีสถานศึกษา ผู้ปกครอง และนักเรียนบางส่วนที่ยังไม่มีความพร้อม จึงทำให้การเรียนออนไลน์เพื่อป้องกันโควิด-19 ครั้งนี้ กลับกลายเป็นการเพิ่มความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามากขึ้น เนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี ภาครัฐจึงควรสนับสนุนงบประมาณหรืออุปกรณ์ ช่วยเหลือทั้งกลุ่มครู ผู้ปกครอง และนักเรียน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเด็กไทยหลุดจากระบบการศึกษาไป
ด้าน ดร.เอื้ออารี จันทร หัวหน้าฝ่ายพัฒนาระบบการเรียนรู้ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า การเรียนออนไลน์ในชีวิตวิถีใหม่นี้ ควรเป็นโอกาสและความท้าทายใม่ใช่อุปสรรคของการเรียนรู้ ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องปรับ Digital Mindset ให้รู้คิด รู้ใช้ เข้าใจ เปิดใจ และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเท่าที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รัฐบาล-สถานศึกษา-ครู-ผู้ปกครอง ต้องร่วมมือสร้างความเชื่อมั่นและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ ทั้งระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ทั่วถึงและเท่าเทียม ครูต้องปรับและเปลี่ยนวิธีจัดการเรียนรู้บนพื้นฐานของความเข้าใจพัฒนาการและพฤติกรรมของผู้เรียนในแต่ละช่วงวัย เลือกใช้รูปแบบการเรียนรู้ สื่อ และกิจกรรมที่เหมาะสมและหลากหลาย ปรับรูปแบบเนื้อหาบทเรียนให้สั้นกระชับ ปรับการบ้านหรืองานเป็นงานย่อยๆ (Micro Content) ให้เข้าใจและเข้าถึงบทเรียนได้ง่าย สร้างแรงกระตุ้นด้วย Edutainment เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกบทเรียนได้ด้วยตัวเอง ในแบบ “At their own pace” หากผู้เรียนยังเล็กอยู่ หรือมีสมาธิสั้นเกินกว่าจะเรียนออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง ผู้ปกครองควรให้การสนับสนุนและติดตามการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี