แม้ว่าในขณะนี้ประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนแล้ว แต่พบว่าในหลายพื้นที่ยังคงมีปัญหาภาวะฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อทำการเกษตรเป็นอย่างมาก กรมฝนหลวงฯ จึงยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงร่วมกับเหล่าทัพอย่างเต็มกำลัง เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่ประสบปัญหาดังกล่าว
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูฝนมาตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมแล้วก็ตาม แต่ยังพบว่าในหลายพื้นที่ยังมีฝนตกน้อย หรือเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา และภาคใต้ตอนบนบางส่วน ประกอบกับน้ำในระบบชลประทานบางพื้นที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่น้ำต้นทุนในแหล่งกักเก็บน้ำต่างๆ ก็ยังมีปริมาณน้ำน้อย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษในพื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างมาก โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้เตรียมความพร้อมเพื่อวางแผนปฏิบัติการที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ภายใต้ความร่วมมือจากกองทัพอากาศและกองทัพบก ที่สนับสนุนทั้งด้านอากาศยานและกำลังพล โดยตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงกระจายทั่วประเทศ 13 หน่วย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่การเกษตรที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง และเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่า 30% เพื่อที่จะได้เป็นน้ำต้นทุนในการไว้ใช้ทำการเกษตรต่อไป ซึ่งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั้ง 13 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ 3 หน่วย ในจังหวัดเชียงใหม่ ตาก และพิษณุโลก ภาคกลาง 2 หน่วยที่จังหวัดกาญจนบุรีและลพบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 หน่วย ที่จังหวัดขอนแก่น อุบลราชธานี สุรินทร์ และนครราชสีมา ภาคตะวันออก 1 หน่วย ที่จังหวัดสระแก้ว ภาคใต้ 3 หน่วย ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และสงขลา โดยทั้ง 13 หน่วย เป็นอากาศยานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 22 ลำ ของกองทัพอากาศ 4 ลำและของกองทัพบกจำนวน 1 ลำ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตรจะติดตามข้อมูลเงื่อนไขของสภาพอากาศเป็นประจำทุกวัน หากวันไหนสภาพอากาศเหมาะสมก็จะขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง โดยใช้ฐานข้อมูลทั้งจากหน่วยงานต่างๆ รวมถึงข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากอาสาสมัครฝนหลวงและเกษตรกร ที่แจ้งมายังกรมฝนหลวงและการบินเกษตรโดยตรง และแจ้งผ่านการไลฟ์สดทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตรช่วงเวลา 10.30 น. เป็นประจำทุกวัน ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรแจ้งมามากกว่า 400 ราย จาก 50 กว่าจังหวัด ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้นำข้อมูลเหล่านี้มาจัดลำดับความสำคัญวางแผนในการปฏิบัติการฝนหลวงในแต่ละวัน
“โดยที่ผ่านมา การปฏิบัติการฝนหลวงถือว่าได้ผลสัมฤทธิ์ 90% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูง แต่อย่างไรก็ตาม ทางกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ก็ยังคงเฝ้าระวังและเตรียมแผนปฏิบัติการฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและเกษตรกรโดยไม่มีวันหยุดราชการ กรมฝนหลวงและการบินเกษตรจะยังคงติดตามสภาพอากาศตลอดทั้งวันและทุกวัน หากสภาพอากาศ มีการเปลี่ยนแปลงและเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง ก็จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายทันที ซึ่งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั้ง 13 หน่วย ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของการปฏิบัติการฝนหลวงในแต่ละภาค
ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนและเกษตรกร เชื่อมั่นได้ว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตรพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและเกษตรกรทุกพื้นที่ของประเทศไทย โดยพี่น้องเกษตรกรและประชาชนทั่วไป สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account : @drraa_prและหมายเลขโทรศัพท์ 0-2109-5100 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ของกรมฝนหลวงฯ ค่อยรับเรื่องและประสานกับพี่น้องประชาชนและเกษตรกรได้ทันที” อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ฝากทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี