เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ที่อาคารหลังเก่า ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางพลีใหญ่ ภายในพื้นที่วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ คณะทำงานสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เข้าเยี่ยมศูนย์พักพิงผู้อพยพจากเหตุระเบิดและเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้ เคมิคัล จำกัด โดยเหตุเกิดตั้งแต่เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 5 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา และล่าสุดช่วงบ่ายวันที่ 7 ก.ค. 2564ได้มีประกาศจาก นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการสมุทรปราการ ให้ประชาชนที่อยู่ในรัศมี 2-5 กิโลเมตรรอบจุดเกิดเหตุกลับเข้าที่พักอาศัยได้แล้ว
นายฤทธิ์ณรงค์ ศรีบัว หัวหน้าสำนักปลัด อบต.บางพลีใหญ่ เปิดเผยว่า ในช่วงแรกยอมรับเรื่องความขลุกขลักอยู่บ้างเนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณต้องทำตามระเบียบราชการซึ่งต้องรอขั้นตอนการเดินเอกสาร แต่โชคดีที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำจังหวัด (ปภ.จังหวัด) รวมถึงได้รับการบริจาคอาหารและน้ำดื่มจำนวนมากจากมูลนิธิและประชาชนที่ได้รับทราบข่าวสารผ่านสื่อต่างๆ
“ผู้อพยพทุกคนเราให้ลงชื่อไว้ ในศูนย์เราก็จะมีรับลงขอความช่วยเหลือด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่รับลงความช่วยเหลือก็จะมีทั้งประชาชนที่อยู่ในเขตของเรา แล้วก็ทางราชาเทวะด้วย ก็ลงเอาไว้ อีกส่วนหนึ่งเราก็คงจะต้องลงพื้นที่ด้วยหลังจากเข้าไปได้แล้ว ตอนนี้ก็ได้ทางสำนักงานอัยการ ได้มาบรรยายให้ข้อมูลเกี่ยวกับการช่วยเหลือทางด้านกฎหมายให้กับผู้ประสบภัยฟังว่าจะช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง” นายฤทธิ์ณรงค์ กล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังจากการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ นางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่า กสม. มาดูในเบื้องต้นว่ามีใครได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง รวมถึงมีอะไรบ้างที่ กสม. จะสามารถช่วยประสานงานเพื่อให้เกิดการคุ้มครองสิทธิของประชาชน ตลอดจนเรื่องในระยะยาว ทั้งประเด็นมลพิษกับอุตสาหกรรมและประเด็นอื่นๆ ที่ กสม. จะได้นำไปพิจารณาเพื่อออกข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อไป เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
“เบื้องต้นเราเห็นผู้เดือดร้อนจำนวนมาก ถึงแม้ว่าเราจะเยี่ยมแค่ 2 จุด แตก็พยายามจะขอตัวเลขจากทางจังหวัดว่ามีอยู่จำนวนเท่าไร แล้วเราก็จะติดตามว่าผู้เดือดร้อนจะได้รับการเยียวยาช่วยเหลืออย่างไร ทั้งในแง่ช่วยเหลือจากภาครัฐหรือว่าจากการประกันของโรงงานที่ระเบิด เราเห็นเรื่องที่จะพัฒนาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อไป ว่าท้องถิ่นที่มีโรงงานอุตสาหกรรมมากๆ มันจะต้องเตรียมความพร้อมแบบไหนอย่างไร ต้องมีเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์อะไรที่รัฐจะต้องอุดหนุน” นางปรีดา กล่าว
ด้าน น.ส.ศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีโรงงานหมิงตี้ฯ ซึ่งก่อตั้งมาก่อนที่ชุมชนจะขยายเข้ามาใกล้ ว่า จริงๆ มีหลายพื้นที่ที่มีโรงงานตั้งมาก่อนจะมีกฎหมาย พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 บังคับใช้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกฎหมายผังเมืองนั้นยังไม่ค่อยถูกบังคับใช้ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดทำผังเมืองเฉพาะได้ แต่ท้องถิ่นก็ต้องสามารถคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ว่าไม่ควรมีชุมชนไปเกิดขึ้นใกล้โรงงาน
ถึงกระนั้น ก็ต้องยอมรับว่าศักยภาพของท้องถิ่น ในที่นี้คือ อบต. ยังไม่มีความพร้อมโดยเฉพาะในแง่บุคลากร เช่น อบต. ได้รับการถ่ายโอนอำนาจด้านสาธารณสุข ตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.2535 แต่ อบต. ไม่มีบุคลากรสาธารณสุขซึ่งเชี่ยวชาญประเด็นสิ่งแวดล้อมอย่างเพียงพอ อาทิ การตรวจสอบมลพิษ เพราะโรงงานต้องทำรายงานประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย แต่โดยส่วนใหญ่หน่วยงานรัฐยังไม่กำกับในเรื่องนี้ โดยต้องเสริมศักยภาพของ อบต. ให้สามารถกำกับและติดตาม
น.ส.ศยามล กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้คงจะต้องมีการหารือในระดับนโยบาย ว่าโรงงานลักษณะนี้ที่ตั้งมาก่อนมีกฎหมายบังคับใช้จะต้องทำอย่างไร ควรย้ายออกหรือไม่ หรือหากไม่สามารถย้ายได้ก็ต้องมีมาตรการติดตามที่เข้มงวดมากขึ้น รวมถึงเปิดเผยการใช้สารเคมีในโรงงานที่ทุกคนมีส่วนร่วมรับรู้ ดังที่เห็นจากโรงงานหลายแห่งที่ติดตั้งระบบตรวจวัดและแสดงผลปริมาณฝุ่นขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ให้ผู้ที่ผ่านไป-มาบริเวณโรงงานได้เห็น ซึ่งเป็นนโยบายของกรมควบคุมมลพิษ ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอจากผู้สนใจประเด็นด้านผังเมือง ว่าควรมีมาตรการจูงใจให้โรงงานที่เสี่ยงอันตรายย้ายออกจากชุมชนไปเข้าอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด เรื่องนี้ยอมรับว่าทำจริงได้ยาก
“ย้ายโรงงานนี่ลำบากรัฐบาลหาเงินชดเชย และตัวผู้ประกอบการเขาอาจจะเห็นว่าเหมาะแล้ว คือที่ตรงนั้นโลจิสติกส์มันดี เขาอาจจะไม่พึงพอใจที่จะย้ายเข้าไปอยู่อีกที่หนึ่ง นึกออกไหม? เวลาตั้งโรงงานมันดูโลจิสติกส์ด้วยนะ ไม่ใช่นึกจะตั้งก็ตั้ง ดูเส้นทางการขนส่งด้วย ของเราก็จะมองทั้ง 2 ด้าน” น.ส.ศยามล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี