นายอำเภอไทรโยค กาญจนบุรี นำทีมกำลังเจ้าหน้าที่ รวบ 13 แรงงานชาวเมียนมาลอบเข้าไทย ส่วนผู้นำพาซิ่งกระบะหลบหนีไปได้ ด้านรอง ผบก.ภ.จว.กาญจน์ฝ่ายมั่นคง เผยศาลอนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการนำพาแล้ว 3 หมายจับได้แล้ว 2 อีก 1 หลบหนีอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน
นายนายสาวิตร เจียมจิระพร นายอำเภอไทรโยค เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 11 ก.ค.64 ที่ผ่านมา ตนในฐานะผู้บังคับกองร้อย อส.อ.ไทรโยคที่ 7 ได้รับแจ้งจากนายมาลัย กำปั่นทองคำ ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าข้ามสุด หมู่ที่ 8 ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรีว่า พบกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก ทั้งหมดหลบซ่อนตัวอยู่ชายป่า ท้องที่หมู่ 8 ต.ศรีมงคล
หลังจากได้รับแจ้งตนพร้อมด้วยนายสุชาย ไม้แก่นจันทน์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายนพดล กลิ่นถนอม ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 136 เจ้าหน้าที่ทหารกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ รวมทั้งสมาชิก อส.อ.ไทรโยคที่ 7 และกำนันตำบลศรีมงคล ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 ต.ศรีมงคล สนธิกำลังลงพื้นที่ไปตรวจสอบบริเวณพิกัดตามที่ได้รับแจ้ง
เมื่อไปถึงพบปรากฎว่าผู้นำพาแรงงานต่างด้าวที่ขับรุยนต์กระบะมารับเห็นเจ้าหน้าที่ จึงได้เร่งเครื่องหลบหนีการจับกุมไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมตัวกลุ่มแรงงานได้ทั้งหมด จำนวน 13 ราย เป็นชาย 8 คน หญิง 5 คน
จากการสอบสวนผู้ถูกจับกุม ทั้ง 13 คนให้การตรงกันว่า ได้เดินทางมาจากจังหวัดพะโล ประเทศเมียนมา โดยจ่ายเงินให้กับนายหน้าคนละ 20,000 – 28,000 บาทและอาศัยการเดินเท้าตามเส้นทางธรรมชาติ และเดินข้ามเขาสันแดนเข้ามายังชายแดนฝั่งประเทศไทย ระหว่างผู้นำพานำรถยนต์มารับ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาถึงเสียก่อน คนนำพาจึงขับรถหลบหนี ทำให้พวกตนต้องมาถูกจับกุมตัว
หลังจากผู้ต้องหารับสารภาพเจ้าหน้าที่จึงดำเนินการตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขด้วยการวัดอาการไข้ เพื่อป้องกันการนำเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่มาแพร่ระบาด เบื้องต้นอุณหภูมิในร่างกายของแรงงานทั้งหมดไม่เกิน 37.5 องศาฯ และเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการถ่ายรูปตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเพื่อทำประวัติเอาไว้ จากนั้นจึงผลักดันกลับสู่ประเทศต้นทางด้วยการใช้ช่องทางด่านห้วยโมง ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และหากมีการจับกุมครั้งใหม่ แล้วพบประวัติว่าผู้ที่ถูกจับกุมมีประวัติเคยถูกจับกุมมาแล้วครั้งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
ด้าน พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ฝ่ายความมั่นคงและโฆษกประจำกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด ภ.จว.กาญจนบุรี ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตชด.ที่ 13 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอต่างๆที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และประชาชน ได้พยายามป้องกันด้วยการลาดตระเวน และออกหาข่าว พร้อมปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง
แต่การลักลอบเข้ามาของแรงงานก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้หลายคดีโดยทุกๆ คดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนเพื่อเพื่อขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการตามการสั่งการของ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภาค 7, พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภาค 7 ฝ่ายความมั่นคง และ พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ในทุกคดีที่จับกุมได้
ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้จำนวน 3 หมายและสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้ว จำนวน 2 หมาย และอีก 1 หมายจับ ผู้ต้องหาเป็นชายชาวเมียนมา ได้หลบหนีการจับกุมไปอาศัยอยู่ประเทศเพื่อนบ้านฝั่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมาที่มีชายแดนติดกับบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ทหารชุดประสานงานชายแดนไทย-เมียนมาให้ช่วยเหลือในการประสานงานกับฝ่ายความมั่นคงของประเทศเมียนมา ในการจับกุมและส่งตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทยแล้ว ส่วนจะสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้เมื่อไหร่นั้นจะต้องคอยติดตามกันต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี