“ผบช.สตม.” นำแถลง “ตม.ชุมพร-ระนอง” ทลายเครือข่ายขน “เมียนมา” ฟันค่าหัวอื้อ รวบต่างด้าวกว่าครึ่งร้อย เปิดสิ้นจุดพักคอย-เส้นทางลักลอบขนเข้าไทย พร้อมปลายทาง
10 สิงหาคม 2564 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ , พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ , พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส , พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.สมชาย จิตสงบ ผกก.ตม.จว.ระนอง , พ.ต.ท.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ สวญ.ตม.จว.ชุมพร , พ.ต.ท.เอกลักษณ์ นุ่นปาน สว.ตม.จว.ระนอง และ พ.ต.ต.สันติ มณีรัตน์ สว.ตม.จว.ชุมพร ร่วมแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายลักลอบขนต่างด้าวเข้าเมือง
คดีแรก เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร สนธิกำลังฝ่ายความมั่นคง ร่วมกันจับกุม นายมงคล อายุ 30 ปี สัญชาติไทย และนายสุขสันต์ อายุ 25 ปี สัญชาติไทย ทำหน้าที่ขับรถนำคอยดูต้นทาง เพื่อนำพาชาวเมียนมาที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม โดยจับกุมได้ที่จุดตรวจจุดสกัดป้องกันคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย บริเวณหน้าที่พักสายตรวจบางมาศ หมู่ 12 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ความผิดฐาน “ร่วมกันให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และต่อมาได้จับกุมชาวเมียนมา ทั้งหมด 22 คน ที่ถูกนำไปทิ้งไว้อยู่ภายในบริเวณสวนยาง หมู่ 17 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
จากการสอบถามชาวเมียนมาทั้ง 22 คน ทราบว่า ทั้งหมดเดินทางมาจากภูมิลำเนาต่างๆของประเทศเมียนมา มาพักรออยู่ที่บ้านใน จ.เกาะสอง เป็นเวลา 15 วัน และมาพักหมู่บ้านหมาราง ตรงข้าม อ.กระบุรี อีกเวลา 2 วัน จึงได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยโดยเรือหางยาวมาตามแม่น้ำกระบุรี ขึ้นฝั่งบริเวณ ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง จากนั้นได้มีรถยนต์มารับ กระทั่งเมื่อพบจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ คนขับได้กลับรถและนำพวกตนมาทิ้งไว้ภายในสวนยางที่เกิดเหตุ ซึ่งทั้งหมดต้องการไปทำงานที่ จ.ตรัง และปัตตานี โดยเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางคนละประมาณ 18,000 บาท
จากการสอบปากคำ นายมงคล และนายสุขสันต์ ให้การยอมรับว่า ทำหน้าที่ขับรถยนต์เพื่อคอยดูต้นทาง อำนวยความสะดวกให้กับรถยนต์อีกคันที่ใช้ขนชาวเมียนมาที่หลบหนีเข้าเมืองมา โดยได้รับการว่าจ้างจากนายกุ้ง ไม่ทราบชื่อสกุลจริง เป็นเงิน 15,000 บาท โดยรถอีกคันจะมีนายแบงค์ ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ทำหน้าที่ขับรถ ขนชาวเมียนมาหลบหนีมาจากพื้นที่ อ.กระบุรี จ.ระนอง ใช้เส้นทางบ้านรังแตน ต.จปร. อ.กระบุรี จ.ระนอง มาทาง ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยนายมงคล ทำหน้าที่ขับรถนำ ส่วนนายสุขสันต์ เป็นคนนั่งข้าง หากเจอจุดตรวจจะใช้โทรศัพท์ติดต่อกัน
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับและสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้เพิ่มเติม 2 คน คือ นายเสรี (กุ้ง) อายุ 39 ปี สัญชาติไทย ผู้ว่าจ้าง และนายทวิช (แบงค์) อายุ 26 ปี สัญชาติไทย คนขับรถขนชาวเมียนมา จากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำให้สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในคดีนี้ได้ครบทั้ง 4 คน แล้ว
คดีต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.ระนอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.2521 , ฉก.ร.25 , ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามทราบว่านายสุทัศน์ อยู่หมู่ 2 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง มีพฤติการณ์ลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย จึงได้เฝ้าสังเกตพฤติการณ์จนทราบว่า นายสุทัศน์ จะทำการลักลอบขนส่งแรงงานต่างด้าวจาก อ.กระบุรี จ.ระนอง ไปยัง จ.ชุมพร ต่อมา เจ้าหน้าที่พบเห็นรถยนต์กระบะ สีดำ ทะเบียนระนอง ขับขี่มาจาก อ.กระบุรี มุ่งหน้ามาทาง อ.ละอุ่น เลียวซ้ายแยกพรุตาโรย ถนนสายบ้านบางแก้ว - เข้าบ้านในโหน หมู่ 1 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงติดตามสกัดจับจากบริเวณถนนบ้านในโหน มุ่งหน้าบ้านในหุบ จ.ชุมพร ถึงบริเวณถนนลูกรังในสวนยางพาราก่อนถึงโรงเรียนบ้านในหุบ หมู่ 4 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร พบรถยนต์คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้และผู้ขับขี่ได้หลบหนีไป ตรวจสอบในรถยนต์คันดังกล่าวพบ นายจอนาย อายุ 25 ปี แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายสัญชาติเมียนมา และพวกรวม 33 คน
จากการสอบถามทราบว่าชาวเมียนมาส่วนใหญ่เดินทางมาจาก จ.ย่างกุ้ง จ.มอละแมง และ จ.ทวาย จุดหมายปลายทางต้องการไปหาทำงานในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จ.สุราษฎร์ธานี จ.ปัตตานี และที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยคนต่างด้าวได้ติดต่อกับญาติ และเพื่อนที่ทำงานอยู่ในเมืองไทย และนายหน้าขบวนการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศไทย โดยเสียค่านายหน้าเป็นเงินคนละ 15,000 – 17,000 บาท จากนั้นนายหน้าได้นำพาเดินทางมาพักรออยู่ที่บ้านพักใกล้แนวชายแดนไทย-เมียนมา ในพื้นที่บ้านเพาสุข อ.เขม่าจี จ.เกาะสอง และได้ลักลอบนำพาเข้ามาในพื้นที่ จ.ระนอง
จากการสืบสวนขยายผลการจับกุม มีพยานหลักฐานยืนยันชี้ชัดว่านายสุทัศน์ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะสีดำ ทะเบียนระนอง จึงติดตามจับกุมตัวนายสุทัศน์ ได้ที่บ้าน หมู่ 2 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และสืบสวนข้อมูลการใช้โทรศัพท์ พบว่านายเสรี หรือกุ้ง (คดีแรก) ได้รับการติดต่อว่าจ้างจากนายบ่าวเกียจ/โกโซ่ นายหน้าชาวเมียนมา ให้นำพาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองจาก จ.ระนอง ไปส่งปลายทาง นายเสรีจึงว่าจ้างให้ นายสุทัศน์ จัดหารถยนต์มารับตัวแรงงานต่างด้าว จำนวน 33 คน ซึ่งลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ข้างปั้มน้ำมันร้าง บ้านปากสวะ หมู่ 7 ต.มะมุ อ.กระบุรี จ.ระนอง เพื่อไปส่งให้นายชัยญะ หรือม่อน รอรับช่วงต่ออยู่ที่ จ.ชุมพร และว่าจ้างให้นายวัฒชัย ขับขี่รถจักรยานยนต์ นำทางดูเส้นทางว่ามีด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตามเส้นทางหรือไม่
จากนั้นนายเสรีหรือกุ้ง ขับรถยนต์กระบะ ทะเบียนชุมพร นำทางนายสุทัศน์ ที่บรรทุกแรงงานต่างด้าว มุ่งหน้าไปทาง อ.ละอุ่น จ.ระนอง ใช้เส้นทางหลักถนนเพชรเกษม และเลี้ยวซ้ายแยกพรุตาโรย ใช้เส้นทางรองถนนสายบ้านบางแก้ว – บ้านในโหน-ผ่านโรงเรียนบ้านปากแพรก มุ่งหน้าบ้านในหุบ จ.ชุมพร เมื่อถึงถนนลูกรังก่อนถึงโรงเรียนบ้านในหุบ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ไล่สกัดจับได้พร้อมแรงงานต่างด้าว จำนวน 33 คน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว จ.ระนอง ขออนุมัติศาลจังหวัดระนองเพื่อออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง และจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม./โฆษก สตม. , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1/รองโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.ระดมกวาดล้างคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ขบวนการขนคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนการขนแรงงานต่างด้าวเข้ ออกพื้นที่จังหวัดที่มีคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 และรวมถึงการที่คนต่างชาติเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ทั้งนี้ สตม. ขอเรียนว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี