สธ.ชงศบค.ลดจังหวัดแดงเข้ม
คงเคอร์ฟิวถึงสิ้นก.ย.
ลุ้นผ่อนคลายมาตรการปลอดภัย
ตั้งเป้าฉีดวัคซีนต.ค.ขั้นต่ำ24ล.โดส
รัฐบาลกางไทม์ไลน์เปิดปท.4เฟส
ดีเดย์ระยะ2เริ่มตุลาเพิ่มอีก5จังหวัด
ติดโควิดกลับมาพุ่ง16,031ตาย220
ติดโควิดเริ่มกลับมาแรงวันเดียว 16,031 คน แซงคนรักษาหายที่มี 15,417 คน ตาย 220 ศพ “อนุทิน” มอบนโยบายฉีดแอสตราฯ เข็ม 3 ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พร้อมทยอยบูสเตอร์ให้ปชช.ทั่วไป 3 ล้านคน ต้นตุลาคม ปัดไม่รู้เรื่องเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จับตาประชุมศบค.ชุดใหญ่ 10 กันยายน ประเมินผลผ่อนคลายมาตรการ สธ.ชงแผนฉีดวัคซีนเดือนตุลาคมขั้นต่ำ 24 ล้านโดส พิจารณาเงื่อนไขฉีดไฟเซอร์ให้เด็ก 12-18 ปีทุกกลุ่ม-ลดพื้นที่สีแดงเข้ม คงมาตรการตามเดิม ยืนเคอร์ฟิวถึงสิ้นกันยายนเพราะตัวเลขติดเชื้อ-ตายยังทรงตัว โฆษกรัฐบาลกางไทม์ไลน์เปิดประเทศ4เฟส43จว.ดีเดย์ระยะ2 เริ่มเดือนตุลาคม พื้นที่5จังหวัด
เมื่อวันที่ 9กันยายน ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวัน ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยกลับมามีจำนวนมากกว่าผู้ที่รักษาหาย
ติดเชื้อใหม่16,031ตาย220ศพ
โดยไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 16,031 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 12,436 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 2,955 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 631ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 9 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,309,687 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 15,417ราย หายป่วยสะสม 1,154,355 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 143,038 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตมี 220 ราย เป็นชาย 108 ราย หญิง 112 ราย อายุน้อยที่สุด 19 ปี อายุมากที่สุด 102 ปี อายุ 60 ปีขึ้นไป 159 ราย คิดเป็น 72% อายุน้อยกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 45 ราย คิดเป็น 21% ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 15ราย คิดเป็น 7% ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย ในจ.ชลบุรี และมีเสียชีวิตที่บ้าน 2 รายในจ.ชลบุรี และจ.ระยอง โดยตรวจพบเชื้อหลังเสียชีวิต ขณะที่ กทม. ยังเป็นพื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด 43 ราย
จับตาศบค.ถกคลายล็อคปลอดภัย
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรค ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ไวรัสโควิดใกล้ชิด โดยจะคลายล็อกอย่างระมัดระวังเต็มที่ ทั้งนี้ ได้เตรียมมาตรการรองรับดูแลผู้ป่วยที่แยกกักที่บ้าน (Home Isolation) ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็เพิ่มมากขึ้น แต่ยังประมาทไม่ได้ ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือให้มากขึ้น ส่วนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด -19 (ศบค.) วันพรุ่งนี้ (10 กันยายน) เป็นการประชุมรายงานสรุปสถานการณ์ และพิจารณาเรื่องการผ่อนคลายมาตรการว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง โดยทีมแพทย์ คณะผู้เชี่ยวชาญจะเสนอศบค.
รอหมอเคาะฉีดไฟเซอร์2ล.ให้เด็ก12
นายอนุทินยังกล่าวถึงเรื่องวัคซีนไฟเซอร์ที่จะเข้ามาว่า ต้องหาข้อยุติให้ได้ว่า จะฉีดให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้หรือไม่ ต้องมีเงื่อนไขหรือไม่มี แต่ด้วยเหตุผลหลักของการฉีดไฟเซอร์ เพราะเราให้ความสำคัญกับเด็ก เนื่องจากไฟเซอร์ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ว่าฉีดในผู้ที่อายุ 12 ปีขึ้นไปได้ ต้องให้แพทย์พิจารณาร่วมด้วย ส่วนตนมีหน้าที่สนับสนุนด้านนโยบาย การบริหารอย่างเต็มที่ แต่ก็อยากให้ฉีดให้ครบ พ่อแม่ ผู้ปกครอง นักเรียนจะได้สบายใจในการเปิดเรียน แต่หากมีเงื่อนไขก็ต้องมาพิจารณาว่าจะเปิดเรียนอย่างไร เพราะเด็กต้องเรียนในโรงเรียน เรียนออนไลน์ตลอดทั้งปีแบบนี้ไม่ได้
เริ่มแอสตร้าฯเข็ม3ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
ผู้สื่อข่าวถามถึงเงื่อนไขเปิดประเทศจะมีข้อเสนออะไรเพิ่มเติมในที่ประชุม ศบค.หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ไทยฉีดวัคซีนสะสมมากกว่า 38.1 ล้านโดส ซึ่งการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก็ต้องดูสถานการณ์ว่า อัตราฉีดวัคซีนเป็นอย่างไร เช่น ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นอย่างไร เห็นชัดว่า เมื่อมีการระบาดก็ไม่พบป่วยหนักหรือเสียชีวิต โดยภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นเสมือนเกตเวย์ของคนต่างประเทศที่มาแยกกักตัวในประเทศไทย จึงต้องทำให้ปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งจะพิจารณาฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 3 พวกที่จะสัมผัสกับชาวต่างประเทศมากที่สุด
ฉีดแอสตร้าบูสเตอร์ให้3ล.คนต้นตค.
“ไม่ได้แย่งวัคซีนอะไร เราต้องทำห้องรับแขกให้สะอาด เพื่อเรียกแขกดีๆให้มั่นใจ ตอนนี้วัคซีนมีมากพอแล้ว ผมมอบนโยบายในที่ประชุมผู้บริหาร สธ.ว่า ต้องหาวิธีบริหารจัดการวัคซีน เพราะวัคซีนพวกนี้อายุเกิน 6 เดือน ก็จะไม่ค่อยดี ต้องเร่งฉีดเต็มที่ ส่วนตัวเลข รายละเอียดอย่างไร ขอให้ไปสอบถามอธิบดีกรมควบคุมโรค เพราะรัฐมนตรีไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติ เราดูระดับนโยบาย เป็นการแยกการทำงานตามความเชี่ยวชาญ เรื่องเข็ม 3 ที่ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ให้นโยบายแล้ว และจะทยอยไปเรื่อยๆ สำหรับเข็มที่ 3 แอสตร้าฯ กรณีผู้ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ก็ต้องเริ่มทยอยฉีดอีก 3 ล้านคนต้นเดือนตุลาคม เมื่อแอสตร้าฯมีเพียงพอแล้ว คิดว่าสิ้นปีนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น” นายอนุทิน กล่าว และปฎิเสธว่า สธ.ยังไม่มีการพูดเรื่องยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน สธ.พร้อมเรื่องการรักษาป้องกัน ส่วนการยกเลิก สธ.ยังไม่ทราบเรื่อง
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ส่งวัคซีนแอสตร้าฯ ไปที่ จ.ภูเก็ต แล้วประมาณ 2 หมื่นกว่าโดส เพื่อควบคุมการระบาด และฉีดเป็นเข็มที่ 3 เนื่องจากจังหวัดยังไม่ได้ทำแผนการกระจายวัคซีนมาที่กรมควบคุมโรค จึงส่งไปก่อนเบื้องต้น เมื่อได้รับแผนก็จะส่งวัคซีนไปเพิ่มเติมตามกำหนด คาดว่าต้องฉีดบูสเตอร์โดสหมดทุกคน
คร.ยันฉีดไฟเซอร์ให้เด็ก12ได้ทุกกลุ่ม
นพ.โอภาสยังกล่าวถึงความกังวลในการฉีดไฟเซอร์ให้ผู้ที่อายุ 12 ปีขึ้นไปว่า การฉีดไฟเซอร์ ตามการขึ้นทะเบียนไฟเซอร์ที่นำมาขออนุญาตกับอย.สามารถฉีดให้ผู้อายุ 12 ปีขึ้นไปทุกกลุ่ม สอดคล้องกับคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก และองค์การอาหารและยา (FDA) สหรัฐอเมริกา ดังนั้น เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปฉีดได้ทุกคน รวมถึงคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ที่ขึ้นกับคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ที่เป็นคณะหลักในการพิจารณาการให้วัคซีนก็ให้การรับรองแล้ว นอกจากนั้น นำเรื่องนี้ขอความเห็นชอบจาก ศปก.สธ.ซึ่งฝ่ายวิชาการเห็นชอบแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ นำเข้า ศบค.วันที่ 10 กันยายน
2ล้านโดสแรกฉีดเด็ก16ปีขึ้นไปก่อน
“ฉีดในเด็ก 12 ปีขึ้นไป ส่วนข้อแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ก็เป็นกลุ่มนักวิชาการ ซึ่งมีข้อแนะนำที่เห็นต่างกันไป โดยเฉพาะเรื่องใหม่ๆ โดยราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ก็ระบุว่า ฉีดในเด็ก 16 ปีขึ้นไปได้ เราก็ได้นำคำแนะนำมาพิจารณาด้วย แม้หลักการจะฉีดได้ตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป แต่ในทางปฏิบัติไฟเซอร์ที่เข้ามา 2 ล้านโดสแรก เราก็อาจนำไปฉีดในเด็ก 16 ปีขึ้นไปก่อน” นพ.โอภาส กล่าว
แผนฉีดวัคซีนตค.ขั้นต่ำ24ล.โดส
นพ.โอภาสยังกล่าวถึงกรณี กรมควบคุมโรคประเมินสถานการณ์หลังผ่อนคลายมาตรการเมื่อวันที่ 1 กันยายนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันที่ 10 กันยายน ศบค.ชุดใหญ่จะประชุม โดย สธ.จะเสนอที่ประชุม ในประเด็กหลักๆ เช่น 1.แผนฉีดวัคซีนโควิด เดือนตุลาคม ที่วางแผนจะฉีดขั้นต่ำ 24 ล้านโดส เนื่องจากแผนที่จะได้รับวัคซีนเดือนตุลาคม ประกอบด้วย ซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดสและไฟเซอร์ 8 ล้านโดส ทั้งนี้ บริษัท ไฟเซอร์ แจ้งว่าล็อตแรกจะเข้ามาปลายเดือนกันยายนนี้ 2 ล้านโดส และเข้ากระบวนการตรวจสอบตามปกติ อย่างไรก็ตาม วันที่ 10 กันยายน เราจะเสนอแผนกระจายวัคซีนที่ประชุม ศบค. เห็นชอบ จากนั้นก็จะประสานกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียด
สธ.ชงเคอร์ฟิวจว.แดงเข้มถึงสิ้นกย.
2.เสนอผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังคงเดิมไว้ ไม่ได้ผ่อนคลายอะไรมาก เช่น อนุญาตให้เนอสซิ่งโฮม รับผู้เข้าไปอยู่ใหม่ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมกำกับอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องประกาศเคอร์ฟิวจะกำหนดตามพื้นที่สี หากเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะคงมาตรการไว้คาดว่าจะใช้ถึงสิ้นเดือนกันยายน แต่การปรับจังหวัดตามพื้นที่สี ต้องรอความเห็นชอบจาก ศบค.วันที่ 10 กันยายนอีกครั้ง เพื่อความชัดเจน
ยันฉีดไฟเซอร์ให้เด็ก12-18ปี
ผู้สื่อข่าวถามว่าไฟเซอร์ล็อตแรกจะฉีดให้กลุ่มอื่น นอกจากเด็กอายุ 12-18 ปีหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับกลุ่มอื่นมีวัคซีนอยู่แล้ว เช่น สูตรไขว้ซิโนแวคกับแอสตร้าฯ ที่เป็นสูตรหลัก ส่วนที่พูดถึงอาการไม่พึงประสงค์ที่จะเกิดขึ้นได้หลังรับวัคซีน แต่เจอไม่มาก พบเพียงไม่กี่รายต่อล้านรายที่ฉีด ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ยอมรับได้ และส่วนใหญ่อาการน้อย ดังนั้น สธ.ยังถือหลักฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กอายุ 12-18 ปี เนื่องจากขณะนี้มีวัคซีนเพียง 2 ยี่ห้อที่ฉีดในผู้อายุ 12 ปีลงมาได้คือ ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ส่วนตัวอื่นยังอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาต การฉีดวัคซีนเป็นความสมัครใจ แต่เราให้ความระมัดระวัง เฝ้าติดตามอาการหลังฉีดใกล้ชิด ไม่ได้เป็นข้อห้ามฉีด เมื่อเทียบประโยชน์กับอาการไม่พึงประสงค์ ถือว่าประโยชน์มีมากกว่าเยอะ
บูสเตอร์คนทั่วไปจว.ดำเนินการ
เมื่อถามถึงการฉีดวัคซีนเข็ม 3หรือบูสเตอร์โดสให้ประชาชนทั่วไป ว่าจะกำหนดอย่างไร เรียกมาฉีดอย่างไร นพ.โอภาสกล่าวย้ำถึงการฉีดบูสเตอร์ให้ประชาชนทั่วไปว่า ที่ประชุม สธ.เห็นชอบแล้ว ได้กำหนดนโยบาย และบอกแนวทางไป จากนั้นคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะดำเนินการ ขณะนี้เหลือขั้นตอนการปฏิบัติ จำนวนวัคซีนที่มี และความพร้อมของพื้นที่ ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่จะดำเนินการ
นพ.โอภาส กล่าวว่า หากมีความพร้อม มีวัคซีนเพียงพอก็จะเริ่มฉีดได้ อาจมีการนำร่องบางจังหวัดก่อน ซึ่งกำลังหารือในรายละเอียดอยู่ แต่เบื้องต้นบูสเตอร์เราจะพิจารณาการฉีดเป็นแอสตร้าฯ ก่อนตามด้วยไฟเซอร์ ซึ่งจะมีลำดับการพิจารณาตามความเหมาะสมของวัคซีนที่มีอยู่ในมือขณะนั้นด้วย
ชงศบค.ลดจว.แดงเข้ม-คงเคอร์ฟิว
วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.)เปิดเผยว่า การประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.) มีความเห็นร่วมกันที่จะนำเสนอเรื่องลดจำนวนจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ที่ปัจจุบันมี 29 จังหวัด เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ศบค.ที่จะประชุมวันที่ 10 กันยายน สำหรับรายละเอียดมาตรการ ยังคงมาตรการเดิมทั้งหมด รวมถึงกำหนดเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ยังมีอยู่ต่อไปตามระยะเวลาเดิมเช่นกัน เพราะสถานการณ์ระบาดภาพรวมยังเป็นลักษณะเดิม และจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มมีมากขึ้นกว่าจำนวนผู้หายป่วยเพิ่ม อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ได้ผ่อนคลายมาตรการบางส่วนแล้ว อาทิ อนุญาตให้นั่งรับประทานในร้านอาหาร เปิดห้างสรรพสินค้า ร้านทำผม เป็นต้น ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าวจะประเมินผลหลังผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้ด้วย ส่วนการเตรียมยกเลิกบังคับใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่ประชุมศปก.ศบค.ไม่ได้มาหารือ แต่จะรอให้เป็นการพิจารณาของที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งจะนำความคืบหน้าเรื่องจัดทำร่าง พ.ร.บ.โรคติดต่อ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) มาพิจารณาประกอบ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับจะยกเลิก ศบค.ในอนาคต
ตค.เดินหน้าเปิดปท.เฟส2อีก5จว.
ส่วนนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางขับเคลื่อนแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมว่า รัฐบาลเดินหน้าตามแผนเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่วางไว้เป็นระยะ หลังนำร่องระยะที่ 1 ในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ ได้แก่ จ.ภูเก็ต พังงา กระบี่และจ.สุราษฎร์ธานี ไปแล้ว ซึ่งเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้ 2 เดือนแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จระดับที่ดี น่าพอใจ รายจ่ายต่อทริปของนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 6-7 หมื่นบาท รายได้สะสม 1,634 ล้านบาท ทำให้ประชาชนในพื้นที่ฟื้นตัวสร้างรายได้เป็นจำนวนมาก
นายธนกรกล่าวต่อว่า เดือนตุลาคม เป็นเดือนที่วางแผนปรับมาตรการ ภายใต้การป้องกันตนเองแบบ Universal Prevention พร้อมเข้าสู่แผนเปิดพื้นที่ระยะที่ 2 อีก 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ ซึ่งแต่ละจังหวัดเตรียมความพร้อมเร่งฉีดวัคซีนให้คนพื้นที่ และจัดแคมเปญรองรับนักท่องเที่ยว อาทิ กรุงเทพฯ แซนด์บ็อกซ์ /หัวหิน รีชาร์จ /ชาร์มมิง เชียงใหม่
กลางตค.ลุยเฟส3เปิด21จว.ครบทั้งปท.
จากนั้น กลางเดือนตุลาคม เข้าสู่แผนระยะที่ 3 จะเปิดต่ออีก 21 จังหวัดครอบคลุมทั้งประเทศ อาทิ ภาคเหนือ จ.ลำพูน แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน เชียงราย สุโขทัย , ภาคอีสาน จ.อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ อุบลราชธานี , ภาคตะวันตก จ.กาญจนบุรี ราชบุรี , ภาคตะวันออก จ.ระยอง จันทบุรี ตราด , ภาคกลาง จ.อยุธยา และภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช ระนอง ตรัง สตูล สงขลา” นายธนกร กล่าว
และว่า รัฐบาลยังวางแผนกระตุ้นให้คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ ผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 3 รัฐสนับสนุนค่าโรงแรม 40% ให้คูปองอาหาร 600 บาทต่อคืน และสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 40% จำนวน 2 ล้านสิทธิหรือห้องพัก รวมทั้งโครงการทัวร์เที่ยวไทย รัฐสนับสนุนวงเงิน 5,000 บาท ให้ประชาชนเดินทางเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ 1 ล้านสิทธิ โดยคาดว่าจะเปิดลงทะเบียนภายในกันยายนนี้ เพื่อให้ท่องเที่ยวได้เดือนตุลาคมซึ่งเข้าช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลท่องเที่ยวไทย
เฟส4เริ่มปี65จับคู่ท่องเที่ยว13จว.ชายแดน
นายธนกรกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ นายกฯกำชับเรื่องมาตรการตรวจโควิด-19 และด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน ส่วนปีหน้าเป็นแผนระยะที่ 4 จะเริ่มเดือนมกราคม 2565 เปิดพื้นที่จังหวัดที่ติดชายแดนเพื่อนบ้านอีก 13 จังหวัด จับคู่ท่องเที่ยวระหว่างกัน (Travel Bubble) ซึ่งทั้ง 4 ระยะ จะเปิดรับนักท่องเที่ยว 43 จังหวัด นอกจากนี้ นายกฯย้ำทุกหน่วยงานทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในแบบวิถีใหม่ ที่ผ่อนคลายมาตรการ ร่วมเดินหน้าเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบสาธารณสุข ลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำ ช่วยกันเดินหน้าเปิดประเทศวิถีใหม่ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี