พนักงานสอบสวน สภ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ เรียกแม่และเด็กผู้เสียหายเข้าสอบปากคำเพิ่มเติม หลังแม่ร้องขอความเป็นธรรมเข้าแจ้งความ ลูกสาว ม.1 ถูกทรชน 10 คนอายุตั้งแต่ 13-50 ปีลวงไปข่มขืนนาน 3 วันผ่านไปนานร่วมเดือนแต่คดีไม่คืบ
วันที่ 18 ก.ย.64 พนักงานสอบสวน สภ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ได้เรียกผู้ปกครองของนักเรียนชั้น ม.1 เข้าสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากผู้ปกครองของเด็กเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ว่า ลูกสาวอายุ 13 ปี ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.1 ถูกผู้ชาย 10 คน อายุตั้งแต่ 13 – 50 ปี อยู่ในพื้นที่ ต.ป่าชัน อ.พลับพลาชัย ล่อลวงไปข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะรุมโทรม นานถึง 3 วัน แต่ผ่านไปนานร่วมเดือนคดีกลับไม่คืบหน้า จึงได้ร้องเรียนผ่านสื่อเพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากมีการนำเสนอข่าวทางพนักงานสอบสวนจึงได้ทำการเรียกสอบปากคำแม่ และเด็กเพิ่มเติม เพื่อประกอบสำนวนคดีและดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตามเบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อหากับคู่กรณีต้องเรียกมาสอบปากคำก่อน
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและเยาวชนจังหวัดบุรีรัมย์ ก็ได้ลงพื้นที่ สภ.พลับพลาชัยเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากผู้ปกครองของเด็ก พร้อมแจ้งให้ทราบถึงสิทธิต่างๆ ก่อนจะนำข้อมูลรายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมประสานทีมสหวิชาชีพร่วมสอบปากคำตามกระบวนการอีกครั้ง
ด้านนางบี (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี แม่ของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) นักเรียนชั้น ม.1 ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ลูกสาว วัย 13 ปีได้หายออกไปจากบ้านโดยไม่ทราบสาเหตุ คิดว่าไปนอนบ้านญาติเหมือนที่ผ่านมา ผ่านไป 2 วัน มาทราบว่าลูกสาวไม่ได้ไปอยู่บ้านญาติ จึงโทรตามหาแต่ติดต่อไม่ได้ พอวันรุ่งขึ้นลูกสาวกลับมาบ้านในลักษณะซึมเศร้า จึงสอบถามลูกสาวบอกว่าถูกวัยรุ่น อ.พลับพลาชัย ที่อยู่เขตรอยต่อกัน รู้จักกันในเฟชบุ๊ก ลวงไปข่มขืน เมื่อสอบถามอีกมาทราบว่า คนที่มาล่วงละเมิดลูกสาวมีถึง 10 คน อายุตั้งแต่ 13-50 ปี ผลัดเปลี่ยนกันมาข่มขืนนาน 3 วันโดยจะย้ายสถานที่การล่วงละเมิดไปเรื่อยๆ
จึงได้ตัดสินใจไปแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.พลับพลาชัย ท้องที่เกิดเหตุ เบื้องต้นตำรวจก็ได้ส่งตัวลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพลับพลาชัย วันต่อมาตำรวจได้เรียกตัวเองไปสอบ พร้อมกับแจ้งว่าให้พูดคุยไกล่เกลี่ยกันก่อนมั้ย เพราะผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน โดยมีการนัดไกล่เกลี่ยกันตนซึ่งไม่รู้กฎหมายจึงทำตามตำรวจแนะนำ จากนั้นก็มีการไกล่เกลี่ยกันแต่คู่กรณีไม่ทำตามที่รับปากแถมมีผู้นำชุมชนบอกห้ามแจ้งนักข่าว
ในเวลาต่อมาตำรวจเรียกไปสอบอีก ระบุ ผู้ก่อเหตุมีอายุ 13-15 ปีเพียง 4 คนเท่านั้น ซึ่งไม่ตรงกับคำบอกเล่าของลูกสาวว่า มีผู้ก่อเหตุถึง 10 คน และหนึ่งในนั้นมีอายุ 50 ปี เวลาผ่านไปกลุ่มผู้ก่อเหตุมีลักษณะไม่สนใจ เพราะมีผู้นำชุมชนที่มีความรู้ด้านกฎหมายหนุนหลัง ทั้งนี้ หนึ่งในกลุ่มรุ่นยังมีการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กข่มขู่ว่า” ถ้ามึงยังใส่ร้ายมั่ว เรื่องนี้จบกูจะให้พวกมึงอยู่ไม่ได้ #จำคำกูไว้ให้ดีนะ” ส่วนตัวยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหนึ่งในผู้ก่อเหตุมีอายุถึง 50 ปี และอยากถามว่าถ้าเหตุการณ์นี้เกิดกับลูกหลานตัวเอง จะรู้สึกอย่างไร
นางบี ยังบอกอีกว่า ตอนนี้เวลาผ่านไปร่วมเดือนคดียังไม่คืบหน้า ทั้งที่เป็นเรื่องกระทบกระเทือนต่อจิตใจ ขณะนี้ลูกก็มีอาการซึมเศร้า - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี