9 ปี ปิดคดีฆ่า “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์” อดีตมือปืนทีมชาติ “ศาลฎีกา” ปรานีพิพากษาแก้ลดโทษให้เหลือจำคุก 25 ปีอดีตแม่ยาย จ้างวานมือปืนลั่นกระสุนฆ่าคารถหรูเมื่อปี 56 ขณะที่ “หมอนิ่ม” รอดคุก ส่วน “มือปืน-คนขี่จยย.” โทษจำคุกตลอดชีวิต “ทนายอี๊ด”ศาลสั่งประหารไว้ แต่ยังหนีลอยนวล
8 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ศาลอาญามีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีความผิดต่อชีวิต จ้างวานฆ่า เอ็กซ์ จักกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ หมายเลขดำ อ.383/57 ที่อัยการศาลจังหวัดมีนบุรี และนายมานพ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ บิดา เป็นโจทก์ร่วมฟ้อง 1.นายจีรศักดิ์ หรือจี กลิ่นคล้าย อายุ 50 ปี มือปืนผู้ลั่นกระสุน 2.น.ส.สุรางค์ ดวงจินดา อายุ 79 ปี มารดา พญ.นิธิวดี 3.พญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม ภู่เจริญยศ อายุ 45 ปี 4.นายสันติ หรืออี๊ด ทองเสม อายุ 35 ปี ทนายความ และ 5.นายธวัชชัย หรืออ้น เพชรโชติ อายุ 38 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) ร่วมกันเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ฯ , จ้างวานฆ่าผู้อื่นฯ , พ.ร.บ.อาวุธปืน ขณะที่นางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม มารดา เอ็กซ์ จักกฤษณ์ ได้ยื่นคำร้อง ขอให้พวกจำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 4.4 ล้านบาทด้วย
โจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือน ส.ค.- 19 ต.ค.56 จำเลยที่ 2-4 ร่วมกันจ้างวานให้ จำเลย 1 กับพวกที่หลบหนี ใชัอาวุธปืนยี่ห้อลูเกอร์ รุ่นโตโกเรฟ ขนาด 7.62 มม.ฆ่านายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ ตามร่างกายหลายนัด ขณะอยู่บนรถยนต์หรูยี่ห้อปอร์เช่ สีดำ จนถึงแก่ความตาย บริเวณหน้าวัดบางเพ็งใต้ ถ.สุขาภิบาล3ถ. สุขาภิบาล3 (รามคำแหง) แขวง - เขตมีนบุรี กทม. ก่อนพากันหลบหนีไป ชั้นสอบสวนและชั้นศาล พญ.นิธิวดี น.ส.สุรางค์ มารดา และนายสันติ ทนายความ ให้การปฏิเสธ
ต่อมาวันที่ 19 ธ.ค.59 ศาลจังหวัดมีนบุรี (ขณะนั้น) ได้อ่านคำพิพากษาให้ประหารชีวิต สถานเดียว พญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม จำเลยที่ 3 และนายสันติ หรือทนายอี๊ด จำเลยที่ 4 ฐานร่วมกันใช้จ้างวานฆ่าผู้อื่น ขณะที่จำเลยที่ 1 และ 5 มือปืน และคนขี่ จยย. ให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วน น.ส.สุรางค์ มารดาหมอนิ่ม พิพากษายกฟ้อง และให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3-5 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 2.5 ล้านบาทแก่ผู้ร้องด้วย
ต่อมาศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้ พญ.นิธิวดี ประกันตัว 2.5 ล้านบาทระหว่างอุทธรณ์ โจทก์ และจำเลยต่างยื่นอุทธรณ์
ต่อมาวันที่ 7 ส.ค.61 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 แต่ให้ลงโทษประหารชีวิต น.ส.สุรางค์ มารดา ฐานใช้จ้างวานให้ฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 เนื่องจากศาลเห็นว่า น.ส.สุรางค์ ยังโกรธแค้นผู้ตายที่มักทำร้ายร่างกาย พญ.นิธิวดี ซึ่งเป็นบุตรสาวคนเดียว และทำร้ายหลานสาวได้รับบาดเจ็บหลายครั้งหลายหน และเชื่อว่าผู้ตายไม่สามารถแก้ไขพฤติกรรมได้
คำให้การของ น.ส.สุรางค์ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิต ส่วน พญ.นิธิวดี ศาลเห็นว่ายังมีความรักใคร่ผู้ตาย รวมทั้งเคยพาบุตรสาวไปเยี่ยมที่เรือนจำทหาร และไม่คัดค้านการประกันตัวผู้ตายของศาลทหาร ที่ทำร้ายร่างกายหมอนิ่มคดีเสพยาเสพติดด้วย และให้จำเลยที่ 1 , 2 , 4 , และ 5 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีให้กับโจทก์ร่วมและผู้ร้องด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ต่อมาศาลอนุญาตให้ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา โดยตีราคาประประกัน 1 ล้านบาท อัยการโจทก์ โจทก์ร่วม และนายจิรศักดิ์ หรือจี มือปืนจำเลยที่ 1 และน.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ยื่นฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า ฎีกาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ที่ต่อสู้ในประเด็นการร่วมจำเลยที่ 4 และที่ 5 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเสร็จให้กับโจทก์ร่วมและผู้ร้องนั้น ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมชดใช้ตามจำนวนดังกล่าวนั้นชอบด้วยเหตุผลแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย และฎีกาข้ออื่นที่ต่อสู้ประเด็นการรับฟังคำให้การพยานที่มาลงโทษจำเลย ก็ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 มานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพฤติการณ์การกระทำผิดของ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแม่ยายผู้ตาย ศาลฎีกาเห็นว่าเกิดจากการที่ผู้ตายกระทำต่อ พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรคนเดียวของจำเลยที่ 2 ครั้งแล้วครั้งเล่า และบางครั้งยังกระทำต่อหน้าหลานเล็กๆของจำเลยที่ 2 อีก อันเนื่องมาจากปัญหาการควบคุมอารมณ์ของผู้ตาย โดยก่อนเกิดเหตุมีความไม่แน่นอนว่าผู้ตายซึ่งเป็นนักกีฬายิงปืน มีอาวุธปืนอาจใช้อาวุธปืนของตนกระทำต่อจำเลยที่ 3 และครอบครัวในขณะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็เป็นได้ เพราะก่อนเกิดเหตุเพียง 2 เดือน ผู้ตายยังใช้อาวุธปืนยิงไปทางคนรับใช้และบุตรคนเล็ก จนผู้ตายถูกจับและถูกควบคุมตัวที่เรือนจำและเพิ่งได้รับการประกันตัวมาไม่นาน
การกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ที่ขณะเกิดเหตุเป็นหญิงมีอายุถึง 72 ปี และบัดนี้มีอายุเกือบ 80 ปีแล้ว และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงเข้าลักษณะของผู้กระทำความผิดที่ตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ที่ศาลอาจลดโทษได้ให้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง และตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 ในการลดโทษประหารชีวิตไม่ว่าจะเป็นการลดมาตราส่วนโทษหรือลดโทษที่จะลง ให้ลดดังต่อไปนี้ โดยถ้าจะลดกึ่งหนึ่งให้ลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษจำคุกตั้งแต่ 25 ปีถึง 50 ปีที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 เพียง 1 ใน 3 และคงจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิตด้วยเหตุเพียงคำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลฎีกายังไม่เห็นพ้องด้วย เห็นควรลดโทษให้จำเลยที่ 2 อีก
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้เป็นว่า คำให้การชั้นสอบสวนของ น.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และกระทำความผิดเพราะตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คงลงโทษจำคุกไว้ จำเลยที่ ไว้ 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี