รื้อระเบียบใหม่ ขออย่าทอดทิ้งปชช .- ชี้กระทรวงคลัง ไล่ฟ้องร้านค้าที่ผิดเงื่อนไขโครงการเราชนะ จะสร้างความพ่ายแพ้และจุดอ่อนของรัฐบาลทุกมิติ
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2564 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถีงกรณีร้านค้าส่วนหนึ่งที่เข้าร่วม โครงการของรัฐบาล ทั้งโครงการเราชนะ คนละครึ่ง ถูกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)กระทรวงการคลังฟ้องเรียกเงินคืนเนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ซึ่งในหมายเรียกคืนเงินนั้นไม่ได้ระบุรายละเอียดทำผิดเงื่อนไขอย่างไรว่า ตนได้รับข้อมูลจากประชาชน ทั้งที่เป็นร้านค้า และ ประชาชนที่ได้เข้าร่วมโครงการเราชนะว่า ขณะนี้ ประชาชนบางส่วนและร้านค้า ถูกไล่ฟ้องขอเงินคืนเป็นทอดๆ เพราะเมื่อร้านค้าถูกกระทรวงการคลังฟ้องเรียกเงินคืน ทางร้านค้าก็ต้องไปไล่เบี้ยกับลูกค้าซึ่งเป็นประชาชนคนไทย นั่นคือสิ่งที่ตนเป็นห่วงมาโดยตลอด เพราะจะส่งผลกระทบแบบลูกโซ่ จึงต้องนำปัญหาที่ได้รับมาจากพี่น้องประชาชน ทั้งที่เป็นร้านค้า และประชาชน ที่เข้าร่วมโครงการเราชนะไปนำเรียนพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
“วันนี้หากกระทรวงการคลังยังไล่ฟ้องร้านค้าที่ผิดเงื่อนไขโครงการเราชนะ ไม่ว่า จะพิจารณาในมิติใดๆ ก็เห็นแต่ความพ่ายแพ้และจุดอ่อนของรัฐบาลทั้งมิติด้านการเมือง มิติความยุติธรรม และ มิติด้านนโยบายสาธารณะ วันนี้โครงการเราชนะ มีคนเข้าร่วมโครงการถึง 33.2 ล้านคน เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งโครงการนั้นถือว่า บรรลุวัตถุประสงค์ไปเรียบร้อยแล้ว ผมและประชาชน รวมทั้งร้านค้าทุกแห่งต่างเคารพรักท่านนายกฯ ประยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้นำประเทศที่มีความตั้งใจทำงานด้วยความมุ่งมั่นเพื่อให้ประชาชนคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆมิติ จึงได้เดินทางมาบอกปัญหากับท่านนายกรัฐมนตรีว่า ร้านค้าและประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ เขาชื่นชมและศรัทธาในการเร่งแก้ปัญหาและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจึงเข้าร่วมโครงการนี้ เพื่อให้โครงการนั้นบรรลุวัตถุประสงค์ แต่ด้วยการออกระเบียบของกระทรวงการคลัง ไม่ได้คาดคิดว่าจะมีโรคโควิด-19 ระบาดอีกระลอก จึงทำให้เกิดการปิดประเทศ มีการประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุด ในขณะที่กระทรวงการคลังไม่ได้ปรับปรุงระเบียบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้ชาวบ้านและร้านค้าปรับตัวเพื่อความอยู่รอดโดยไม่ได้ทำตามระเบียบ เช่น การจ่ายเงินข้ามเขต การขายของออนไลน์ หรือ แม้แต่การแลกเงินสด” นายสามารถ ระบุ
นายสามารถ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่กระ ทรวงการคลังไล่ฟ้องร้านค้า กว่า 3,000 ร้านค้า สิ่งนี้คือ ภาพยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น หากปล่อยให้กระทรวงการคลังไล่ฟ้องร้านค้าเรียกเงินคืนทั้งหมด ก็จะทำให้ร้านค้าเหล่านั้นไปไล่ฟ้องกับประชาชนอีกทอดหนึ่ง เมื่อพิจารณาข้อกฎหมายว่า ร้านค้าฟ้องประชาชนได้หรือไม่ คดีนี้หากรัฐเรียกเงินคืนถือว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไข จึงต้องเรียกคืนเงินแผ่นดิน ไม่ว่าจะเรื่องค้าขายออนไลน์ การแสกนคิวอาร์โค้ดข้ามเขต การแลกเปลี่ยนเงินสด เมื่อร้านค้าถูกเรียกเงินคืน ร้านค้าก็จะแจ้งความเอาผิดกับประชาชนด้วยในข้อหาร่วมกันกระทำผิดโครงการเราชนะ เพราะลูกค้าเป็นคนนำเงินจากโครงการเราชนะมาให้ร้านค้า ร้านค้าไม่ได้รับเงินโดยตรงจากรัฐบาล ดังนั้นคดีนี้ตามกฎหมายถือว่าเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา ร้านค้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลแม้แต่บาทเดียว เพราะเป็นไปตาม ป. วิอาญา มาตรา 40 ระบุไว้ว่า “การฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาจะฟ้องต่อศาลซึ่งพิจารณาคดีอาญาหรือต่อศาลที่มีอำนาจชำระคดีแพ่งก็ได้ การพิจารณาคดีแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง” และ ถ้าร้านค้าถูกเรียกเงินคืนจากกระทรวงการคลัง ร้านค้าก็จะไปไล่เบี้ยกับลูกค้านั่นเอง
“ผมจะพาลงมาดูใต้ภูเขาน้ำแข็งว่า ร้านค้าแต่ละร้านมีลูกค้าจำนวนไม่เท่ากัน ประมาณ 2,000-3,000 คนบ้าง กว่า5,000 คนบ้าง10,000 คนบ้าง หากคิดค่าเฉลี่ยของจำนวนลูกค้าต่อร้านที่ 4,000 คน หากถูกกระทรวงการคลังฟ้องร้านค้าจำนวน 3,000 ร้านค้า เท่ากับว่าต้องมีผู้ เดือดร้อนจากการจัดโครงการเราชนะ 3,000x4,000 = 12 ล้านคน นั่นคือสิ่งที่ผมถึงต้องนำเรียนท่านนายกรัฐมนตรีว่า แม้ผลลัพธ์สุดจากโครงการนี้จะทำให้เม็ดเงินถึงมือประชาชนไปแล้ว แต่ระเบียบอาจจะไม่คลอบคลุม เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป โครงการนี้ต้องมีการออกระเบียบมาใหม่มารองรับ เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีมีใครต้องมาเดือดร้อนจากโครงการนี้ จึงจะถือเป็นโครงการ ‘เราชนะ’ อย่างแท้จริง เพราะสุดท้ายไม่มีใครโกง ร้านค้าให้สินค้า ประชาชนได้รับสินค้า ถึงแม้ว่าจะแลกเงินสดบ้าง แต่เงินสดนั้นก็หมุนเวียนในระบบ ไม่มีใครกดเงินสดแล้วมาฝากธนาคาร ดังนั้นเจตนาของประชาชนไม่ผิด แต่การออกระเบียบที่ไม่คลอบคลุม เพราะมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาแทรกแซง เพียงแค่แก้ระเบียบทุกอย่างก็จะเรียบร้อย ผมจึงขอเป็นตัวแทนร้านค้า และประชาชนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน วิงวอนท่านนายกฯ ขอให้ช่วยเหลือคนเหล่านี้ด้วย ดังประโยคที่ท่านมักกล่าวเสมอๆว่า จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และ จะต้องไม่แก้ปัญหาหนึ่งแล้วไปสร้างปัญหาใหม่ เรื่องนี้ไม่ต้องใช้งบประมาณแม้แต่บาทเดียวก็จะทำให้ประชาชนยิ้มได้ และทุกคนจะชนะไปด้วยกันครับ” นาย สามารถ กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี