"มหานิยม เวชกามา" ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ยืนยันคณะกรรมาธิการศาสนาและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎรยังไม่ได้ยุติเรื่องสอบปมถอดถอนเจ้าคณะ 3 จังหวัด โต้ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ไม่รู้จริงอย่าพูดและให้ข่าวมั่ว ขณะที่ยอดลงชื่อคัดค้านมติถอดถอนเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) พุ่งกว่า 2.5 แสนแล้ว
วันที่ 16 ต.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีปัญหาการถอดถอนพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะจังหวัด 3 รูป ประกอบด้วยจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดฉะเชิงเทราว่า บรรยากาศที่วัดประชานิยม อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์วันนี้ยังคงมีพุทธศาสนิกชนเข้ามาถวายภัตตาหารเช้าและปฏิบัติธรรมตามปกติ โดยประชาชนยังคงเข้ามาร่วมลงชื่อคัดค้านในระบบออนไลน์เพื่อคัดค้านมติมส.ที่ถอดถอนพระเทพสารเมธี หรือเจ้าคุณบัวศรี อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) อย่างต่อเนื่องล่าสุดมีผู้ลงชื่อแล้วกว่า 2.5 แสนคน
ขณะที่ ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้ให้ข้อมูลผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ โดยกล่าวถึงการที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ออกมาให้ข่าวหลังประชุมกรรมาธิการศาสนาว่า กมธ.ศาสนา ไม่มีอำนาจในการสอบเรื่องการปลดเจ้าคณะจังหวัดจึงยุติเรื่องนั้นว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ยุติ ยังมีการดำเนินการสอบต่อ ตนขอชี้แจงว่า เมื่อมีการร้องเรียน กมธ.ก็มีอำนาจในการสอบหาข้อเท็จจริง แต่ไม่มีอำนาจชี้ถูกผิดหรือลงโทษ เมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้วก็เสนอประธานสภา เพื่อแจ้งให้นายกไปดำเนินการแก้ไขต่อไป การที่คุณไพบูลย์ ออกมาให้ข่าวว่า กมธ.ศาสนายุติเรื่องแล้ว จึงไม่ตรงกับที่หารือในการประชุมกรรมาธิศาสนา
โดยที่ประชุมเสนอเพียงว่าเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงขอไม่ให้มีการให้ข่าวจนกว่าจะเขียนสรุปรายงานผลการศึกษาออกมาเป็นเอกสารก่อน มิเช่นนั้นจะกระทบกับหลายฝ่าย ขณะนี้เพิ่งเรียกสำนักพุทธมาให้ข้อมูลฝ่ายเดียวเท่านั้นและสำนักพุทธก็ให้ข้อมูลว่า เจ้าคณะใหญ่เป็นผู้เสนอขึ้นมาทางสำนักพุทธไม่ทราบเหตุผล คาดว่าอาจจะมีผู้ร้องเรียน เจ้าคณะหนจึงเสนอปลด เมื่อสำนักพุทธให้ข้อมูลว่า เจ้าคณะหนเป็นผู้เสนอปลด ไม่ใช่สำนักพุทธ แต่มันก็ขัดแย้งกันกับที่สมเด็จหลายรูปให้ข้อมูลมาก่อนหน้านี้ว่า ไม่ทราบเรื่องการปลดมาก่อน
ดร.นิยม กล่าวต่อว่า ตามขั้นตอนของ กมธ.ศาสนาก็ต้องมีหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงไปยังเจ้าคณะหน หรือเจ้าคณะภาคว่า ตามที่สำนักพุทธให้ข้อมูลว่าเจ้าคณะหนเป็นผู้เสนอปลดนั้น ทางเจ้าคณะหนมีขั้นตอนการปลดอย่างไร มีการตั้งคณะกรรมการสอบก่อนหรือไม่ หรือว่าเป็นดุลยพินิจของเจ้าคณะหนเอง แล้วมีอะไรเป็นหลักในการใช้ดุลยพินิจ จากนั้นก็จะเรียกฝ่ายที่ร้องเรียนเข้ามาให้ข้อมูล จึงจะสรุปข้อเท็จจริงได้ ดังนั้น กมธ.ศาสนายังไม่ได้สรุปอะไร อยู่ในขั้นตอนการเรียกสำนักพุทธมาให้ข้อมูลคนเดียว ยังไม่ได้เรียกคนอื่นมา การที่คุณไพบูลย์ออกมาให้ข่าวว่า ยุติเรื่องแล้ว จึงเป็นความเห็นส่วนตัวของคุณไพบูลย์คนเดียวเท่านั้น ยังไม่ใช่ข้อสรุปของ กมธ.ศาสนาแต่อย่างใด
ดร.นิยม กล่าวต่ออีกว่า คุณไพบูลย์ นิติตะวัน ยังอ้างอีกว่า เจ้าคณะจังหวัดถูกปลดจากตำแหน่งทางการปกครอง ไม่ใช่เรื่องอธิกรณ์ เพราะไม่ได้ถูกร้องเรียนอาบัติปาราชิกถึงไม่มีการสอบก็สามารถปลดได้ เป็นการแสดงความคิดเห็นที่เป็นอันตรายต่อวงการพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง ตนเห็นว่า หากไม่มีความรู้ทางคณะสงฆ์ อย่ามั่วและอย่าพูดเสียยังจะดีกว่า ตนขอทำความเข้าใจเรื่องนี้ หากเห็นว่าพระสังฆาธิการถูกร้องเรียนความผิดต่อตำแหน่งทางการปกครองก็ตั้งกรรมการสอบจริยาพระสังฆาธิการ ส่วนถ้าถูกร้องเรียนอาบัติก็สอบอธิกรณ์ ว่าผิดอาบัติหรือไม่ กรณีนี้เป็นเรื่องการปลดจากตำแหน่งทางการปกครองในระดับเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งเจ้าคณะหนและเจ้าคณะภาคต้องตั้งกรรมการสอบจริยาพระสังฆาธิการ
"กฎมหาเถรสมาคมกำหนดเอาไว้ชัดเจน เป็นขั้นเป็นตอน หากไม่ตั้งกรรมการสอบ เจ้าคณะหนและเจ้าคณะภาคก็ผิดจริยาพระสังฆาธิการอย่างร้ายแรง ตนเห็นว่า ไม่ใช่ว่า จริยาพระสังฆาธิการจะเอาไว้ใช้กับ เจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล หรือเจ้าคณะอำเภอตัวเล็กตัวน้อยเท่านั้น มันต้องใช้กับเจ้าคณะภาค เจ้าคณะหน หรือแม้แต่ มส.ก็ต้องใช้ด้วยเช่นกัน เหมือนการสอบความผิดวินัยร้ายแรงของข้าราชการ ไม่ใช่จะเอาไว้ใช้แต่กับข้าราชการตัวเล็กตัวน้อยเท่านั้น แต่ใช้กับทุกระดับจนถึงอธิบดี"
ดร.นิยมกล่าวต่อไปอีกว่า ตนขออธิบายเพิ่มเติมกรณีจังหวัดปทุมธานีอยู่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 1 มีพระธรรมวชิรเมธี หรือเจ้าคุณมีชัย วัดหงส์รัตนาราม เป็นเจ้าคณะภาค ในการแสวงหาข้อเท็จจริง กมธ.การศาสนา จะต้องเรียกเอกสารที่เจ้าคณะภาค 1 ตั้งคณะกรรมการสอบหาความผิด จนถึงมีมติปลดจากตำแหน่งมาดู ว่าได้ดำเนินการหรือไม่ เช่น เอกสารการถูกร้องเรียน เอกสารการตั้งคณะกรรมการสอบ เอกสารการโต้แย้งของผู้ถูกกล่าวหา ผลการสอบของคณะกรรมการ และผลสอบที่พระธรรมวชิรเมธี เจ้าคณะภาค 1 รายงานต่อสมพระเด็จมหารัชมงคลมุนี หรือสมเด็จธงชัย เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดไตรมิตร เพราะเจ้าคณะภาค 1 เป็นเจ้าคณะผู้ปกครองใกล้ชิดกับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ซึ่งจะต้องเป็นต้นเรื่องของการเสนอปลด จากนั้นก็เรียกหนังสือเจ้าคณะใหญ่หนกลางว่า มีการพิจารณาเห็นชอบหรือไม่อย่างไรก่อนที่จะแจ้งมายังสำนักพุทธซึ่งเป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคม และเป็นผู้จัดทำวาระการประชุมเสนอต่อมหาเถรสมาค,
ดร.นิยมกล่าวอีกว่า ในส่วนกรณีจังหวัดฉะเชิงเทรา อยู่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 12 มีพระราชเวที วัดโพธิ์ เป็นเจ้าคณะภาคก็ต้องเสนอปลดตามขั้นตอนเดียวกันมายังสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนจะวันออก วัดไตรมิตร และเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออกส่งมายังสำนักพุทธเพื่อทำวาระการประชุมแจ้งต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคมและกรณีจังหวัดกาฬสินธุ์ ฝ่ายธรรมยุติ ก็ต้องส่งเรื่องการปลดมายังเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติ เช่นเดียวกัน เมื่อมีการสอบขึ้นมาตามลำดับการปกครองสงฆ์เช่นนี้ จึงเป็นการปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2563) ข้อ 5/1 (2) - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี