ศบค.วางมาตรการ3กลุ่ม3ประเภท
เปิดเกณฑ์เข้าปท.
45ประเทศ+ฮ่องกงไม่ต้องกักตัว
ฉีดวัคซีนครบ/ตรวจRT-PCR
มีประกัน5หมื่นยูเอสดอลลาร์
เลิกเคอร์ฟิว17จว.นำร่องท่องเที่ยว
ติดเชื้อลดรายวัน9,810/ตาย66ศพ
ศบค.ส่วนหน้าถกสกัดโควิดใต้
ไทยติดเชื้อโควิด-19 รายวัน 9,810 คน ตาย 66 ศพ ผู้ป่วยอาการหนัก ใช้ท่อหายใจลดลงต่อเนื่อง แต่ภาคใต้ยังน่าห่วงยอดเสียชีวิตสูง ศบค.ย้ำ 8 ข้อกำหนดรองรับเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน ให้ต่างชาติเข้าประเทศได้ โดยแบ่งนักท่องเที่ยวเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก เป็นประเทศเสี่ยงต่ำ 45 ปท.+ ฮ่องกง ไม่ต้องกักตัว วางเงื่อนไขต้องรับวัคซีนแล้ว2 เข็ม RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง-ผลตรวจเชื้อยืนยันเป็นลบ พร้อมกำหนดประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ยูเอสดอลลาร์ ยกเว้นคนสัญชาติไทย ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นเข้าไทยได้ แต่ต้องกักตัว อยู่ภายใต้มาตรการที่กำหนด
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19 ในประเทศไทย ที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันต่ำกว่าหมื่นคนต่อเนื่อง
ติดเชื้อเพิ่ม9,810คน/ตาย66คน
โดยไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,810 คน ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 9,680 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 9,001 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 679 ราย มาจากเรือนจำ 120 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 10 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,831,389 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 10,513 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,710,447 ราย อยู่ระหว่างรักษา 102,317 ราย อาการหนัก 2,585 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 583 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 66 ราย เป็นชาย 31 ราย หญิง 35 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 50 ราย มีโรคเรื้อรัง 12 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) 10 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 18,625 ราย
ป่วยโคมาใส่ท่อลดลงห่วงใต้ตายพุ่ง
ทั้งนี้ ทิศทางสถานการณ์ผู้ป่วยอาการหนัก ปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ พบว่าลดลงต่อเนื่อง แต่ยอดผู้เสียชีวิตวันนี้ยังมีตัวเลขสูงอยู่ที่ภาคใต้รวมกันถึง 25 ราย ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของไทยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 714,104 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์งสิ้น 69,217,162 โดส ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 243,262,880 ราย เสียชีวิตสะสม 4,945,205 ราย
5จว.ใต้ยอดติดเชื้อสูงติด10อันดับปท.
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดของวันที่ 22 ตุลาคม ได้แก่ กทม. 908 ราย สงขลา 676 ราย นครศรีธรรมราช 662 ราย ยะลา 432 ราย ปัตตานี 422 ราย เชียงใหม่ 412 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 341 ราย ตาก 309 ราย สมุทรปราการ 307 ราย และนราธิวาส 306 ราย ทั้งนี้ 5 จังหวัดภาคใต้ยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงอยู่ใน 10 อันดับแรก ส่วนกทม.และปริมณฑลลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ฝากให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแบบครอบจักรวาลตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ
ลุยแผนนำร่องเปิด17จว.ท่องเที่ยวฟื้นปท.
พญ.อภิสมัยยังแถลงถึงข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฉบับที่ 36 ว่า เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มคลี่คลายดีขึ้น รัฐบาลเห็นความจำเป็นต้องฟื้นฟูประเทศเพื่อประโยชน์การใช้ชีวิตความเป็นอยู่และด้านเศรษฐกิจแก่ประชาชน เบื้องต้นจึงเห็นชอบให้เปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว เพื่อเป็นปัจจัยเอื้อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้มากขึ้น เป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจ ทั้งการจ้างงานในภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะภาคธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องยึดหลักว่าประชาชนต้องปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งคนในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้ดำเนินการควบคู่กับมาตรการด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนแต่ละประเทศทั่วโลกที่มีสถานการณ์ใกล้เคียงกันปฎิบัติ
ชูระบบแซนด์บ็อกซ์ขับเคลื่อนศก.ปท.
สำหรับรายละเอียดข้อกำหนดการเปิดประเทศ ได้แก่ 1.กำหนดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ซึ่งเรียกว่าแซนด์บ็อกซ์ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศควบคู่กับการกำหนดมาตรการควบคุมป้องกันโรคในพื้นที่แบบบูรณาการ โดยพิจารณาความเหมาะสมความพร้อมและบริบทของแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อบังคับใช้ให้เหมาะสมและเป็นการเฉพาะจากพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ โดยการกำหนดพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นไปตามคำสั่งของ ศบค. ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
ห้ามจัดงานเสี่ยง-รวมตัวไม่เกิน500คน
2.การกำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านท่องเที่ยว ให้สถานที่กิจการหรือการดำเนินกิจกรรมในเขตพื้นที่นำร่องด้านท่องเที่ยวเปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบและมาตรการป้องกันโรคที่ราชการกำหนด เช่น มาตรการป้องกันติดเชื้อแบบครอบจักรวาลหรือ universal prevention หรือมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร covid free setting รวมทั้งมาตรการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อที่ผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่กำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีมากกว่า 500 คนในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ให้นำวิธีปฏิบัติในส่วนของข้อห้ามการจัดกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่โรค ขั้นตอนการขออนุญาตจัดกิจกรรม การพิจารณาอนุญาต รวมทั้งกิจกรรมหรือการรวมกลุ่มที่ได้รับการยกเว้น ให้จัดได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
ยกเลิกเคอร์ฟิวมีผล1พ.ย.
พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า 3.การยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน ให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเดิมเคยกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งให้มีผลตั้งแต่เวลา 23.00 น.วันที่ 31 ตุลาคม หมายถึงการยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่สีฟ้า ในกลุ่มจังหวัดที่อยู่ในสีแดงเข้มคือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดคือ พื้นที่ 17 จังหวัดที่เคยระบุเป็นพื้นที่สีฟ้าก่อนหน้านี้ ถ้ามีการกำหนดเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวสีฟ้า ก็จะยกเลิกเคอร์ฟิวเริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 4.ห้ามจัดกิจกรรมเสี่ยงแพร่โรคในพื้นที่นำร่องด้านท่องเที่ยวห้ามจัดกิจกรรม ซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 500 คนในเขตพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวคือ พื้นที่สีฟ้าจัดกิจกรรมได้แต่ไม่เกิน 500 คนและนำวิธีปฏิบัติในส่วนข้อห้ามจัดกิจกรรมเสี่ยงแพร่โรค ขั้นตอนการขออนุญาตจัดกิจกรรม การพิจารณาอนุญาตกิจกรรม หรือการรวมกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นสามารถจัดได้
ผับ-บาร์-สถานบันเทิงยังปิด
5.การเตรียมความพร้อมสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงแพร่โรคในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวระยะเริ่มแรกของการดำเนินการเปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้สถานบริการสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวยังคงปิดดำเนินการไว้ก่อนในช่วงเวลานี้ โดยให้หน่วยงานและผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมเพื่อการผ่อนคลายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ 6.การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวและการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมของแต่ละจังหวัด ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าฯกทม.สามารถพิจารณาเพิ่มเติมและสั่งปิดหรือห้ามดำเนินกิจการกิจกรรมได้กรณีมีการระบาดในพื้นที่นั้นๆเพิ่มขึ้น
เน้นฉีดวัคซีนครบ-ผลตรวจลบเข้าได้
7.การกำหนดผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม เพื่อเอื้อต่อการเดินทางเข้าราชอาณาจักรของบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศต้นทาง ซึ่งได้รับการประเมินตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และ8.มาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การกำหนดมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในประเทศ ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาต เช่น มาจากประเทศที่ได้รับอนุญาตหรือมีหนังสือรับรอง หรือหลักฐานการลงทะเบียนการเดินทางที่ชัดเจน มีการตรวจยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อโควิดมีหลักฐานการแสดงว่าได้รับวัคซีนครบ มีหลักฐานการชำระค่าที่พักรวมทั้งมีหลักฐานว่ามีกรมธรรม์ประกันภัยและประกันสุขภาพติดมาด้วย ให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป
45ปท.+ฮ่องกงเข้าไทยไม่ต้องกักตัว
พญ.อภิสมัยกล่าวด้วยว่า ในส่วนการเดินทางมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร หรือการเดินทางเข้าประเทศไทย รวมถึงคนไทยและคนต่างชาติที่ประสงค์เดินทางเข้ามา ขณะนี้จะมีมาตรการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม 3 ประเภท กลุ่มแรกคือ กลุ่มที่เดินทางเข้ามาโดยไม่จำเป็นต้องกักตัว จะมี 45 ประเทศ +1 เขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยจะต้องมีข้อจำกัดของผู้ที่จะเดินทางต้องพำนักในประเทศนั้นๆ กำหนดต่อเนื่องอย่างน้อย 21 วัน ก่อนเดินทางเข้าไทย ยกเว้นสำหรับผู้ที่เพิ่งเดินทางออกจากประเทศไทย ตรงนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในประเทศที่เดินทางไปก่อนหน้านี้จนครบ 21 วัน
เปิดรายชื่อ45ประเทศเสี่ยงต่ำ
โดยประเทศกลุ่มแรกที่เดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว ประกอบด้วย ออสเตรเลีย ออสเตรีย บาห์เรน เบลเยียม ภูฏาน บรูไนดารุสซาลาม บัลแกเรีย กัมพูชา แคนาดา ชิลี จีน ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิสราเอล อิตาลี ญี่ปุ่น ลัตเวีย ลิทัวเนีย มาเลเซีย มอลตา เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย สิงคโปร์ สโลวีเนีย สาธารณรัฐเกาหลี สเปน สวีเดน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอเมริกา และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
แจงยิบหลักเกณฑ์นทท.ต้องปฎิบัติ
พญ.อภิสมัยยังชี้แจงอีกว่า หลักเกณฑ์กลุ่มประเทศที่จะเดินทางเข้ามาตามหลักเกณฑ์คือ 1.ต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม อย่างน้อยเข็มที่สองต้องมีระยะ 14 วัน ก่อนวันเดินทาง 2.ต้องตรวจหาเชื้อโควิด ด้วยวิธี RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางและมีผลยืนยันเป็นลบ 3.ต้องมีประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ยูเอสดอลล่าร์ 4.เมื่อมาถึง ได้รับการตรวจด้วยวิธี RT-PCR หาเชื้อโควิดทันที โดยการเข้าพักคืนแรกในโรงแรมหรือสถานที่ที่ราชการกำหนด เช่น โรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน เมื่อรอครบหนึ่งคืนมีผลยืนยัน จาก RT-PCR เป็นลบ กลุ่มนี้จะเดินทางไปในพื้นที่อื่นได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องเน้นย้ำมาตรการตามพระราชกำหนดฉบับที่ 36 คือ นักท่องเที่ยวหรือคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศเหล่านี้ต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นตั้งแต่เมื่อเดินทางถึงประเทศไทย ซึ่งต้องติดตามได้ว่าเดินทางไปที่ไหนอย่างไร รวมทั้งต้องร่วมมือในมาตรการเฝ้าระวังติดเชื้อ DMHTT โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างและล้างมือ เมื่อไปใช้สถานประกอบการที่ใดพื้นที่ใดจังหวัดใดต้องปฏิบัติตามมาตรการโควิดฟรีเซ็ตติ้ง หรือทำตามมาตรฐานสาธารณสุขของไทย
เน้นเฉพาะเดินทางทางอากาศ
“ส่วนที่ประชาชนมีข้อสงสัยกรณีคนไทยที่เดินทางมาจากกลุ่มประเทศที่อนุญาตไม่ต้องกักตัวเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องมีหลักประกัน 50,000 ยูเอสดอลล่าร์เหมือนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะคนไทยสัญชาติไทยที่มีหลักประกันสุขภาพ มีสิทธิ์การรักษาพยาบาลตามที่กฎหมายบัญญัติ สำหรับกลุ่มดังกล่าว ในมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยฉบับที่ 17 ระบุชัดเจนว่าไม่จำเป็นต้องมีประกัน 50,000 ยูเอสดอลล่าร์ เช่นเดียวกับคนไทยและคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทย การเดินทางไปต่างประเทศจะกลับมาไม่จำเป็นต้องอยู่ในประเทศนั้นครบ 21 วัน และขอเน้นย้ำว่าการอนุญาตนี้ เน้นเฉพาะการเดินทางทางอากาศ ซึ่งตามพระราชกำหนดฯ ได้ระบุท่าอากาศยานไว้ชัดเจน ทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ตเชียงใหม่ สมุย อู่ตะเภา และบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นการเช่าเหมาลำ (Charter flight) เท่านั้น” พญ.อภิสมัยกล่าว
กลุ่ม2ใช้แซนด์บ็อกซ์พักในรร.7วัน
และว่า กรณีเดินทางเข้าไทยไม่เข้าเกณฑ์กลุ่มที่หนึ่ง สามารถเลือกเข้าโปรแกรมแซนบ็อกซ์ (Sandbox) ซึ่งในวันที่ 1 พฤศจิกายน นอกจากภูเก็ตแล้ว ยังมีสมุย พังงา กระบี่ โดยใช้หลักการเดียวกันคือ ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มมีการตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมงด้วยวิธี RT-PCR และมีประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ยูเอสดอลลาร์ ส่วนที่เพิ่มเติมของโปรแกรมแซนบ็อกซ์ (Sandbox)คือ ต้องมีหลักฐานจองที่พักมาตรฐานและต้องเป็นโรงแรมที่อยู่ใน Sandbox area เท่านั้น ไม่สามารถไปพักที่ไหนตามอิสระ โดยต้องมีหลักฐานการชำระเงินอย่างเรียบร้อย เพื่อให้เราติดตามได้ว่าพักอยู่ที่ไหน 7 วัน และจะตรวจโควิดซ้ำวันที่ 6 หรือ 7 คือ นอกจากที่เมื่อมาถึงแล้วต้องตรวจวันแรกแล้ว วันที่ 6 หรือ 7 ก่อนออกจากพื้นที่แซนด์บ็อกก็ตรวจหา และเมื่อผลตรวจหาเชื้อในวันที่หนึ่งเป็นลบ สามารถเดินทางในพื้นที่แซนด์บ็อก ที่กำหนดได้ และเมื่อครบ 7 วันแล้ว จึงจะเดินทางไปพื้นที่อื่นได้
กลุ่ม3วัคซีนไม่ครบเข้าได้แต่ต้องกักตัว
ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าวถึงกรณีที่ 3 คือ กลุ่มคนไม่เข้าเกณฑ์สองประเภทแรก เช่น คนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย หรือได้รับแล้วยังไม่ครบ อาจเพิ่งได้รับเพียงเข็มเดียวหรือฉีดเข็มสองยังไม่ถึง 14 วันก่อนวันเดินทาง รวมทั้งผู้ที่มาจากประเทศอื่นนอกเหนือจากกลุ่ม 45 ประเทศ +1 แต่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ภายใต้เงื่อนไขการกักกัน ในสถานที่ที่ทางราชการกำหนด ทั้งสถานกักกันโรคที่รัฐจัดให้ หรือ สถานกักกันโรคทางเลือก (AHQ) ที่จัดการโดยเอกชน หรืออาจมาในลักษณะของหน่วยงานหรือองค์กร (OQ) เช่น กลุ่มนักกีฬาที่เข้ามาแข่งขัน นอกจากนี้ ยังมีส่วนโรงพยาบาล ซึ่งเป็นกลุ่มเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อเข้ารักษาพยาบาล ซึ่งแต่ละกรณีจำเป็นต้องเข้ารับการกักตัว โดยจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน บางกลุ่มจะกักตัว 7 วันบ้าง 10 วันบ้าง แล้วแต่กรณีต้องไปดูรายละเอียด ซึ่งกลุ่มนี้นอกจากการกักตัวที่ยังคงมีไว้คล้ายปัจจุบัน ยังต้องตรวจหาเชื้อวันที่หนึ่งที่มาถึงและตรวจซ้ำในกรณีก่อนจะออกจากที่พัก อย่างไรก็ตาม ในกรณีมีการเปลี่ยนแปลง เช่น สถานการณ์ระบาด อาจเปลี่ยนแปลงทางสาธารณสุข และศบค.จะติดตามใกล้ชิด หากปรับเปลี่ยนจะแจ้งให้ทันการณ์
ราชกิจจาฯเผยแพร่ข้อกำหนดเปิดปท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 36 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายตามคำแนะนำของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) จำนวน 8 ข้อกำหนดรองรับกาเรปิดประเทศวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งจำเป็นที่ต้องฟื้นฟูประเทศ เพื่อประโยชน์ในการใช้ชีวิตความเป็นอยู่และด้านเศรษฐกิจแก่ประชาชน โดยเห็นควรให้เปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อเป็นปัจจัยเอื้อให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศได้มากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานในภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจท่องเที่ยวและภาคธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
เปิดบัญชี17จว.นำร่องท่องเที่ยว
สำหรับพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว17จังหวัด แนบท้ายคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)ที่18/2564 เรื่อง พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวนั้น ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ2.กระบี่ 3.ชลบุรี (เฉพาะอ.บางละมุง เมืองพัทยา ศรีราชา เกาะสีชัง และสัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียนและต.บางเสร่) 4.เชียงใหม่ (เฉพาะอ.เมืองเชียงใหม่ ดอยเต่า แม่ริม และแม่แตง) 5.ตราด (เฉพาะอ.เกาะช้าง)6.บุรีรัมย์ (เฉพาะ อ.บุรีรัมย์) 7.ประจวบคีรีขันธ์ (เฉพาะ ต.หัวหินและต.หนองแก) 8.พังงา
9.เพชรบุรี (เฉพาะเทศบาลเมืองชะอำ) 10.ภูเก็ต 11.ระนอง (เฉพาะเกาะพยาม) 12.ระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด) 13.เลย (เฉพาะ อ.เชียงคาน) 14.สมุทรปราการ (เฉพาะบริเวณพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ) 15.สุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า) 16.หนองคาย (เฉพาะ อ.เมืองหนองคาย สังคม ศรีเชียงใหม่ และท่าบ่อ) และ 17.อุดรธานี (เฉพาะ อ.เมืองอุดรธานี บ้านดุง กุมภวาปี นายูง หนองหาน และประจักษ์ศิลปาคม)
บิ๊กเล็กถกศบค.ส่วนหน้าสกัดโควิดใต้
ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด -19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบค.ส่วนหน้า) เปิดเผยว่า บ่ายวันนี้ (22 ตุลาคม) เรียกประชุมศปก.ศบค. เพื่อรับทราบรายงานภาพรวมสถานการณ์โควิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงเตรียมพร้อมแนวทางที่จะเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน โดยจากการลงพื้นที่หารือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งส่วนราชการและผู้นำศาสนา ต่างได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยจะหารือปรับระบบการทำงาน ให้เร่งตรวจและฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด จากปัจจุบันฉีดได้ร้อยละ 40-50 เท่านั้นในเข็มที่ 1 จากที่ตั้งเป้าไว้ร้อยละ 70
สงขลาป่วยนิวไฮพุ่ง676ตาย2ศพ
อีกด้านหนึ่ง มีความคืบหน้าสถานการณ์โควิด -19 ในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยสำนักงานสาธารณสุข(สสจ.)สงขลารายงานว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 676 คน เสียชีวิต 2 คน ยอดสะสมติดเชื้อ 42,810 คน เสียชีวิตสะสม 176 คน นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 5,600 คน กลุ่มที่ยังพบผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นกลุ่มผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อในพื้นที่กระจายในอ.จะนะ รัตภูมิ เทพา หาดใหญ่ สะบ้าย้อย เมือง และ อ.สะเดา รองลงมา กลุ่มคลินิกคัดกรองโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงในร้านค้า บริษัท โรงงาน ตลาดและกลุ่มผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยติดเชื้อในครอบครัว ชุมชน กลุ่มเครือญาติและเพื่อนร่วมงาน
นพ.ปพน ดีไชยเศรษฐ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.สงขลากล่าวว่ารัฐบาลจัดสรรวัคซีนให้จ.สงขลา เพิ่มเป็นไฟเซอร์ 150,000โดส โดยกระจายไปยังโรงพยาบาลทุกอำเภอ และแอสตร้าเซเนก้า 40,000 โดส ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ประชาชน70%และนักเรียนให้ได้100%ในเดือนตุลาคม
ปราณบุรีนิวไฮวันเดียว 238 คน
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รายงานพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ 341 คน มีเสียชีวิตสะสม รวม 89 คน อ.หัวหิน มีผู้ติดเชื้อ57คน อ.ปราณบุรี ทำสถิตินิวไฮสูงสุดในการะบาดรอบใหม่มีผู้ติดเชื้อวันเดียว 238 คน โดย อ.ปราณบุรีมีคสัสเตอร์ขนาดใหญ่ในโรงงานแปรรูปผลไม้กระป๋อง 4แห่ง แคมป์คนงานก่อสร้างรถไฟทางคู่ บ้านพักคนงานโรงงานสับปะรดกระป๋อง ซึ่ง อ.ปราณบุรี ติดเชื้อวสะสม14วัน 925 คน ส่วน อ.หัวหินมีติดเชื้อรอบ14วันก่อนเปิดเมืองวันที่ 1 พ.ย.นี้รวมแล้ว 616คน
ประจวบฯป่วยพุ่งขยายเตียงรพ.สนาม
นพ.วรา เศลวัตนะกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด 19 ในพื้นที่ ยังพบผู้ป่วยรายใหม่ต่อเนื่องในคลัสเตอร์ต่างๆโดยเฉพาะกลุ่มโรงงานแปรรูปผลไม้กระป๋องหลายแห่ง,แคมป์คนงานก่อสร้างเป็นการติดเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างด้าว บางอำเภอจำเป็นต้องจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อขยายเตียงรองรับผู้ป่วย เช่น อ.ปราณบุรี หลังมีแนวโน้มพบผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมาก
ชลบุรี-สมุทรสาครติดใหม่ลดต่อเนื่อง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรีรายงานว่า มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 299 ราย ยอดสะสม 98,284 ราย รักษาหายสะสม 91,139 ราย กำลังรักษาสะสม 6,454 ราย เสียชีวิตอีก 2 ราย เสียชีวิตสะสม 691 ราย ขณะที่ สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครเปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 84 ราย ผู้เสียชีวิตยังสูงถึง 3 ราย อยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล631ราย รักษาหายกลับบ้านได้230รายและอยู่ระหว่างการสังเกตอาการอีก528ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี