“ชัยวุฒิ” รมว.ดีอีเอส ร่วมกับ ผบก.สอท.1 กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ รับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมกักตัว (AQ) 19 แห่ง ประกาศล่าตัวแฮกเกอร์สวมรอยหลอกลูกค้าโรงแรมโอนเงิน เตรียมหารือ สพธอ. และดีป้า เสริมแกร่งผู้ประกอบการติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันแฮกเกอร์เจาะระบบ
วันที่ 27 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวนายงานว่า นางสาวพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.พปชร. นำตัวแทนกลุ่มชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยมิติใหม่ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนแก่ รมว.ดีอีเอส และ พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อประสานงานปราบปรามและจับกุมกระบวนการหลอกลวงผ่านทางอินเทอร์เน็ตในระบบการกักกันตนทางเลือก (Alternative Quarantine : AQ)
โดยจากคำร้องเรียนของตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม พบว่า ปัจจุบันมีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นโรงแรมต่างๆ ในระบบการกักกันตนทางเลือก (AQ) เพื่อหลอกลวงให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ ที่มีความประสงค์กักตนชำระค่าห้องพัก และบริการต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ของตน โดยแอบอ้างว่าเป็นช่องทางที่ดำเนินการโดยโรงแรม และมีความต้องการเข้าถึงฐานข้อมูลของโรงแรม และให้ผู้ที่มีความประสงค์กักตัวชำระค่าใช้จ่าย ล่าสุด มีโรงแรมที่ได้รับความเสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 19 แห่ง มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาท
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลฯ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำชับให้กระทรวงดิจิทัลฯ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง บูรณาการทำงานร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตามกฎหมาย ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ปกป้องคุ้มครองประชาชนจากความเสี่ยงตกเป็นเหยื่อภัยทางไซเบอร์
อย่างไรก็ตามจากกรณีดังกล่าว แฮกเกอร์มีการใช้โปรแกรมสปายแวร์ (Spyware) เจาะระบบโรงแรม ทำอีเมล์ปลอมซ้อนอีเมล์ของโรงแรม เมื่อมีการจองโรงแรมผ่านระบบอินเทอร์เน็ต แฮกเกอร์ก็จะปลอมเป็นพนักงาน หลอกให้นักท่องเที่ยวที่จองห้องพักเข้ามาโอนเงินเข้าบัญชีของแฮกเกอร์ สร้างความเสียหายให้กับทั้งนักท่องเที่ยวที่สูญเงิน และโรงแรมที่สูญเสียโอกาสและรายได้ ทั้งยังเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการโรงแรมที่ประสบความเดือดร้อนจากจากสถานการณ์โควิด-19
“กระทรวงดิจิทัลฯ ให้ความสำคัญกับปัญหานี้ เพราะโรงแรมเป็นธุรกิจสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวไทย และห่วงใยนักท่องเที่ยว ที่เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินแล้วไม่มีคนไปรับ เพราะผู้ที่ติดต่อด้วยคือแฮกเกอร์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ นอกจากเป็นการฉ้อโกงทั้งกับประชาชนผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อ และโรงแรมที่ถูกแอบอ้างชื่อ ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแก่การท่องเที่ยวไทย ที่กำลังจะเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย นี้ด้วย ดังนั้นเราและตำรวจไซเบอร์ จะร่วมดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด โดยเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง” นายชัยวุฒิกล่าว
ประกอบกับผู้ประกอบการโรงแรม ต้องเริ่มให้ความสำคัญกับการปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ให้ทันสมัย ติดตั้งโปรแกรมป้องกันการถูกแฮกระบบ (Anti-Spyware) และอีเมล์ของโรงแรม ต้องมีระบบยืนยันตัวตน 2 ชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้แฮกเกอร์เข้าถึงและเข้ดามาใช้งาน
ขณะเดียวกัน กระทรวงดิจิทัลฯ จะเร่งรัดออกมาตรการและมีการให้ความรู้ผู้ประกอบการเพื่อรับมือเทรนด์ภัยคุกคามยุคใหม่ผ่านออนไลน์/ไซเบอร์ โดยหารือกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัด เพื่อให้เข้ามาช่วยให้ความรู้และติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ในโลกโซเชียลมีเดีย หรือในโลกระบบคอมพิวเตอร์ที่มีภัยคุกคามจากแฮกเกอร์
ทั้งนี้หน่วยงานหลักของกระทรวงฯ ที่ดูแลด้านไซเบอร์ ซิเคียวริตี้ คือ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อช่วงต้นปีนี้ ก็จะพยายามขับเคลื่อนงานนี้ให้เป็นรูปธรรมเพิ่มขึ้น เช่น เรื่องกำลังคน เจ้าหน้าที่ งบประมาณ เพราะถ้ามีทรัพยากรเหล่านี้พร้อม ก็จะสามารถออกไปช่วยให้ความรู้ ช่วยผู้ประกอบการสามารถเสริมสร้างระบบคอมพิวเตอร์ให้เข้มแข็ง
“การที่ผู้ประกอบการเข้ามาร้องเรียนในครั้งนี้ เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์กับภาคธุรกิจที่มีเว็บไซต์ มีอีเมล์ในการติดต่อกับลูกค้าให้ทราบว่า มีการเจาะเข้ามาในระบบได้ และมีการปลอมตัวเข้ามาเป็นพนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ของธุรกิจเรา แล้วหลอกให้คนโอนเงินเข้ามา สร้างความเสียหายกับธุรกิจอย่างมาก ลูกค้าก็เสียหาย ธุรกิจก็เสียหาย” นายชัยวุฒิกล่าว
นอกจากนี้ ยังเตรียมศึกษาข้อมูลเพื่อหาแนวทางสนับสนุนการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการโรงแรม ในการติดตั้งโปรแกรมซอฟต์แวร์ป้องกันสปายแวร์ โดยอาจหารือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษกิจดิจิทัล (ดีป้า) หน่วยงานในสังกัด หรือนำเสนอของบสนับสนุนจากกองทุนดีอี โดยมองว่าในเบื้องต้น รัฐก็ควรส่งเสริมช่วยผู้ประกอบการให้หาซอฟต์แวร์ดีๆ มาใช้ป้องกันการถูกโจมตีจากแฮกเกอร์ เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องยอมรับว่าการจะวางระบบให้ดี ป้องกันแฮกเกอร์ได้ดี ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูง และเป็นภาระให้ผู้ประกอบการ
พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวว่า รมว.ดีอีเอส ได้ประสานสั่งการ สอท. ให้ช่วยดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เป็นเรื่องเร่งด่วนเพราะกระทบการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งมีกำหนดเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 1 พ.ย. นี้
ล่าสุด ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาแล้ว 2 ราย เป็นเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงิน โดยให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี พบว่าแฮกเกอร์เป็นชาวต่างชาติ ใช้ชื่อคนไทยเปิดบัญชีหลอกลวงว่าเป็นบัญขีของโรงแรมต่างๆ โดยทางตำรวจกำลังขยายผลถึงผู้อยู่เบื้องหลัง กรณีลักษณะนี้ผู้กดเงินออกจากบัญชี ส่วนใหญ่จะอยู่ตามแนวชายแดน หรือนอกประเทศ
“เราจะเร่งรัดติดตามคนร้ายที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี และพยายามติดตามเงินกลับมาให้ได้ เพราะความเสียหายนี้กระทบกับกิจการโรงแรม โดยโรงแรมอื่นๆ ที่มีปัญหานี้ สามารถติดต่อกลับมาที่ สอท. และช่องทางอีเมล์/โซเชียลของ สอท. หรือโทรร้องเรียนมาตามเลขหมาย ดังนี้ โทร.1212 (ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ ของกระทรวงดิจิทัลฯ) โทร.1599 (ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) และโทร.1441 (สายด่วนตำรวจไซเบอร์)” พล.ต.ต.รณชัยกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี