วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
เปิดใจอดีตว่าที่เจ้าบ่าว! ละเอียดยิบความจริงอีกด้าน'งานแต่งอลเวง'

เปิดใจอดีตว่าที่เจ้าบ่าว! ละเอียดยิบความจริงอีกด้าน'งานแต่งอลเวง'

วันอังคาร ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564, 22.01 น.
Tag : ปัญหาครอบครัว เจ้าบ่าวไม่มีสินสอด เจ้าสาวโดนเท
  •  

จากกรณีฝ่ายหญิงออกมาโพสต์ในโลกออนไลน์ว่า ถูกฝ่ายชายเทงานแต่งงาน จนเป็นกระแสดรามาในสื่อโซเชียล ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปเพื่อสอบถามหาข้อมูลทางฝ่ายชาย ซึ่งทราบว่า เป็นลูกหลานของร้านซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่งบริเวณสี่แยกท่าแซะ จ.ชุมพร

ผู้สื่อข่าวได้พบครอบครัวของฝ่ายชาย หลายคนที่พร้อมจะชี้แจงในกรณีดังกล่าว เพื่อให้สังคมได้รับรู้เรื่องราวที่แท้จริง ทราบชื่อคือ นายกฤษฎา ทรัพย์สงวน น้องเกมส์ อายุ 27 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว โดย นายกฤษฎา หรือเกมส์ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตนเองกับฝ่ายหญิงได้คบหากันมาเป็นระยะเวลาประมาณ 9 ปี ตลอดเวลาที่คบกัน ตนเองได้ช่วยเหลือ ดูแลฝ่ายหญิงมาโดยตลอด ไม่ว่าจะให้ทำอะไรไม่ว่าจะซักผ้า ล้างจาน ซื้อกับข้าว ทั้งๆ ที่บ้านตนเองไม่เคยทำ ตามใจทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีปัญหา แก้ไขตัวเองในทุกๆเรื่อง ปรับเปลี่ยนตัวเองจน จนในบางครั้งตนเองรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง อยากไปไหนทำอะไร หรือแม้กระทั่งมากินข้าวกับครอบครัว ก็ไม่ค่อยจะได้มาต้องอยู่กับฝ่ายหญิง ตลอดเวลา เวลาไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ต้องคุยโทรศัพท์ด้วยตลอดเวลา


และหากถามในเรื่องว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีคนอื่นหรือเปล่านั้น เราทั้งคู่ไม่ได้มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไปมีคนอื่นฝ่ายหญิงมีความจิงจังกับตนเองมาก มีความตั้งใจที่จะสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้น ฝ่ายหญิงได้พูดเรื่องที่จะแต่งงานมาโดยตลอด เพราะฝ่ายหญิงได้พูดว่า เลข 7 เป็นเลขอาถรรพ์ กลัวจะเลิกกัน จึงอยากจะแต่งงาน จดทะเบียนสมรสกันจึงขอให้พ่อแม่ฝ่ายชายมาสู่ขอ อยากมีครอบครัว อยากอยู่ด้วยกัน ซึ่งตนเองก็รู้ว่าครอบครัวที่บ้านยังไม่พร้อม ด้วยเศรษฐกิจปัจจุบันและโรคโควิดที่กำลังระบาดทำให้ที่ร้านไม่ค่อยมีลูกค้า ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ตนเองจึงไม่ได้นำเรื่องที่ฝ่ายหญิง เร่งรัดเรื่องงานแต่งงานมาคุยกับพ่อแม่ เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ไม่สบายใจ เรื่องทั้งหมดนั้นตนเองได้เก็บไว้ฝ่ายเดียว และได้ตอบกลับฝ่ายหญิงไปว่า พ่อแม่ยังไม่ว่าง ได้หาเหตุผลต่างๆเพื่อเลื่อนการสู่ขอออกไป ซึ่งตนเองก็ไม่ได้มีงานประจำ ทำงานที่ร้านกับพ่อ เงินที่ใช้จ่ายก็ยังเป็นเงินกงสี ไม่ได้มีเงินเดือน

จนกระทั่งล่าสุดคือฝ่ายหญิงบอกว่าถ้ายังไม่มาสู่ขอ ก็จะเลิก และมีการทะเลาะกันบ้างแต่ก็ไม่รุนแรง และสุดท้ายตนเองก็ยอม และได้มาคุยกับพ่อแม่ และได้มีการตกลงเรื่องสินสอดกัน หลังจากนั้น ฝ่ายหญิงได้ก็ได้จัดการในเรื่องการถ่ายพรีเวดดิ้ง การหาฤกษ์แต่งงาน และจองจัดเตรียมงานทุกอย่าง ซึ่งในตอนนั้นตนเองคิดว่าคงจะสามารถหาเงินสินสอดมาได้ แต่พอในช่วงนี้ เศรษฐกิจย่ำแย่ และตนเองก็รู้ดีว่าพ่อแม่ไม่พร้อม แต่อีกใจหนึ่งตนเองก็สงสารฝ่ายหญิงเพราะฝ่ายหญิงได้เตรียมพร้อมในเรื่องต่างไว้และ โดยเมื่อฝ่ายหญิงไปหาฤกษ์แต่งงานนั้น ทางพ่อและแม่ได้ขอเลื่อนงานแต่งงานไปก่อนเนื่องจากยังไม่มีค่าสินสอด รวมไปถึงตอนนี้อยู่ในช่วงโรคโควิดระบาด แต่หากสถานการณ์ดีขึ้นแล้วก็จะจัดการเลี้ยง งานแต่งงานให้เหมือเดิม

แต่ทางฝ่ายหญิงได้มาปรึกษาพูดคุยกับตนเองว่า ขอให้ไปจดทะเบียนสมรสกันในวันที่ 14 พฤศจิกายน และเอาสินสอดมามอบให้ตนเอง และไปถ่ายรูปเก็บไว้ โดยจะมีการไปถ่ายภาพกันในสตูดิโอแห่งหนึ่ง โดยมีการนำเอาเงินสินสอดมาวาง และเอาทะเบียนสมรสมาถ่ายภาพที่สตูดิโอ โดยที่ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายที่เตรียมการทั้งหมด

โดยในตอนนั้น ตนเองรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสินสอดที่จะเอาไปให้ฝ่ายหญิง และคิดไว้แล้วว่าจะไม่มีการจดทะเบียนสมรส หรืองานแต่งงานใดๆทั้งสิ้น โดยตนเองคิดว่าจะจบปัญหาทั้งหมดโดยการจบชีวิตตัวเอง แต่เมื่อฝ่ายหญิงรู้ว่าทางฝ่ายชายจะไม่มาจดทะเบียนสมรส จึงได้กินยาฆ่าตัวตาย และโทรให้กู้ภัยมารับเพื่อพาไปหาหมอ ซึ่งตนเองเมื่อทราบก็ได้รีบไปที่โรงพยาบาลทันที่ และทางแม่ของฝ่ายหญิงได้บอกกับตนเองว่า ถ้าไม่มีสินสอดมาก็ขอจบกันเพียงเท่านี้เพราะไม่สามารถเลี้ยงดูลูกของตนเองได้

หลังจากนั้นในวันที่ 12 พฤศจิกายน ตนเองก็ได้คิดจะจบชีวิตตัวเองเพื่อจบปัญหาต่างๆ และไม่อยากรับรู้เรื่องทั้งหมด โดยการขับรถออกจากบ้านไปนอนที่ชายทะเล เพื่อให้คลื่นซัดและจมน้ำ และสุดท้ายคลื่นก็ซัดไปอยู่บริเวณหน้าวัดแห่งหนึ่งจนได้ไปอาศัยอยู่ที่วัดจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน จนพี่สาวตนเองไปตามหาจนเจอ เพราะตนเองได้เอารถไปจอดไว้บริเวณชายทะเล

น้องเกมส์ ยังบอกอีกว่า ตลอดระยะหลังๆ มา ตนเองไม่เคยได้จับมือถือเลย ฝ่ายผู้หญิงจะเป็นคนถือและคอยโฟสต์โน้นนั้นนี้อยู่ตลอด และบางครั้ง มีญาติๆ เข้ามาคอมเม้นท์หยอกล้อ ก็จะโดนด่าตอบไป ทำให้หลายคนแปลกใจ เพราะนิสัยตนไม่ได้เป็นคนก้าวร้าว และมารู้ความจริง ก็หลายๆ เรื่องประดังออกมา ซึ่งทุกคนก็ดีใจที่ตนเอง ได้เป็นอิสระ ส่วนเรื่องจะแจ้งความก็ว่ากันไปในอนาคต

ด้าน นางสาวรุ่งนภา ทรัพย์สงวน (แม่ของน้องเกมส์) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า แม่และพ่อรับรู้ว่าทั้งคู่คบกัน ไม่เคยขัดใจอะไรลูก ตามใจลูก ไม่ว่าลูกจะทำอะไร และจากภายนอกที่เห็น ก็เห็นว่าทั้งคู่ก็รักกันดี ทั้งคู่คบกันนั้นตนก็ไม่เคยเข้าไปวุ่นวายอะไรกับลูก และในช่วงที่น้องเกมส์เข้ามาคุยเรื่องที่จะให้ไปสู่ขอฝ่ายหญิงนั้น ตนเองก็ขอผลัดลูกไปหลายๆครั้งเพราะ พ่อกับแม่ยังไม่พร้อม ซึ่งน้องเกมส์ก็เข้าใจเพราะน้องเกมส์ทำงานที่บ้านก็จะรู้เรื่องงาน เรื่องการเงินของที่บ้านเป็นอย่างดี และตนเองได้บอกไปว่าถ้าทุกอย่างพร้อม สินสอดพร้อมก็จะไปสู่ขอ และจัดการเรื่องแต่งงาน แต่ไม่เคยห้ามไม่ให้คบกัน

และล่าสุดนั้นทางน้องเกมส์ได้มาบอกตนเองว่าให้ไปพูด ไปคุยกับทางฝ่ายหญิง เพราะฝ่ายหญิงเรียกไม่แพง เพราะทางแม่ฝ่ายหญิงได้บอกกับน้องเกมส์ว่าแล้วแต่ฝ่ายชายจะให้ เพราะรู้ว่าทางครอบครัวเราอยู่กันยังไง สภาพครอบครัวเป็นยังไง ก็เลยตัดสินใจไปพูดคุยกับฝ่ายหญิง เมื่อไปพบทางฝ่ายหญิงเรียกสินสอดเป็นจำนวนเงินและทอง เกือบ 1 ล้านบาท ซึ่งตนเองก็ได้ต่อรองในส่วนของสินสอดเพราะเป็นจำนวนเงินที่มาก เพราะทางครอบครัวเราก็หาเช้ากินค่ำ ทางฝ่ายหญิงก็ได้ลดให้ และเมื่อกลับมาจากที่ไปคุยกับฝ่ายหญิง ตนเองและสามีก็ได้บอกกับลูกว่า ว่าช่วงนี้เป็นช่วงโควิดจัดงานอะไรไม่ได้ รายได้ก็ไม่ค่อยดี ขอผลัดลูกไปสักปีหน้า และค่อยจัดงานใหญ่ทีเดียว แค่ขอเลื่อนไม่ได้ยกเลิกงาน และในส่วนที่จะไปจดทะเบียนกันนั้น ทางพ่อและแม่ไม่รู้เรื่องเพราะไม่ได้มาปรึกษาหรือบอกกล่าวใดๆ ทั้งสิ้น ว่าจะทำอะไร แต่ในช่วงที่ไปถ่ายพรีเวดดิ้งนั้น น้องเกมส์ก็ได้มาเล่าให้แม่ฟัง โดยตนเองก็ได้เตือนลูกไปว่า ทำอะไรให้ประหยัดๆ อะไรที่ไม่จำเป็นก็อย่าไปทำ เพราะเงินทองไม่มี

และในส่วนเรื่องงานแต่งงานนั้น พ่อกับแม่ขอเลื่อนไปก่อนเพราะยังเงินสินสอดยังไม่ครบและในช่วงนี้เป็นช่วงโควิดการจัดงานในช่วงนี้ก็ลำบาก และทางน้องเกมส์คงไปบอกฝ่ายหญิง และฝ่ายหญิงได้ลงเฟสว่า "ขอเลื่อนงานแต่งงานนะค่ะ" เมื่อพ่อและแม่เห็นก็สบายใจเพราะลูกเข้าใจ แต่เรื่องที่จะจดทะเบียนกันเอาสินสอดไปให้นั้น ทางน้องเกมส์ไม่ได้มาคุยมาปรึกษา จนรู้เมื่อแม่ทางฝ่ายหญิงโทรมาต่อว่าตนเองเรื่องการเลื่อนงานแต่งงาน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนเองได้คุยกับลูกว่าจะเอายังไงต่อ น้องเกมส์ได้บอกว่าขอจบทุกอย่าง ไม่ไปต่อ แต่ตนเองก็ได้สังเกตดูลูกมาโดยตลอดเห็นว่าลูกหน้าตาไม่ยิ้มแย้ม ไม่ค่อยพูดคุย ก็รู้ว่าลูกคงมีความทุกข์มากแต่ไม่ยอมเล่าให้ฟัง และในวันที่ 12 ที่น้องหายไป ทางบ้านได้ตามหา วันที่ไปเจอน้องเกมส์นั้น ตัวน้องได้บอกว่าสิ่งที่ตนเองทำไปการคิดสั้นฆ่าตัวตายนั้น ไม่ได้ทำไปเพราะประชดพ่อและแม่ แต่แค่เพียงต้องการจบปัญหาทั้งหมดที่ตัวเอง เรื่องราวทั้งหมดไม่อยากให้พ่อและแม่รับรู้เรื่องไม่ดี

ในขณะที่ นางสาวสุพัตรา บัวคลี้ (พี่สาวน้องเกมส์)เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองไม่เคยรู้เรื่องการเลื่อนงานแต่งงาน มาก่อนจนเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน แม่ได้โทรมาบอกว่าน้องชายหายไป ตนเองจึงได้มาอยู่กับแม่ และในคืนวันที่ 12 นั้น น้องชายก็ไม่ได้กลับบ้าน ซึ่งในวันนั้นทางฝ่ายหญิงได้โทรหาตนเอง และตนเองได้สอบถามไปว่าบอกได้มั้ยว่าที่อยู่ที่ไปอยู่ด้วยกันนั้นอยู่ตรงไหน เพราะตนเองก็กลัวว่าน้องชายจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะก่อนหน้านี้น้องชายได้พูดเป็นลางกับแม่อยู่ตลอดว่า ไม่รู้จะอยู่ถึงวันแต่งงานหรือเปล่า ตนเองต้องการหาน้องชายให้เจอเพราะทุกคนที่บ้านเป็นห่วง หลังจากนั้นก็ได้ลงเฟส ประกาศหาน้องชายจนเจอ หลังจากนั้นทางฝ่ายหญิงได้โทรมาและถามว่าจะเอายังไงและเจอเกมส์หรือยัง ซึ่งตนเองได้บอกว่าขอคุยกับทางเกมส์ก่อน ซึ่งในระหว่างนั้น ทางฝ่ายหญิงได้เสนอว่าถ้าทางฝ่ายชายจบ ฝ่ายหญิงก็จบ เพราะแม่ฝ่ายหญิงได้บอกว่าอยากให้ลูกสาวตนเองมีชีวิตใหม่ และตนเองได้โทรไปคุยกับแม่ ว่าเกมส์ว่ายังไง เพราะทางฝ่ายหญิงได้บอกมาแบบนี้ ซึ่งทางเกมส์ก็ได้บอกว่าจบ และสิ่งที่เราพูดคุยกันในครอบครัว คือทางฝ่ายหญิงโทรมาว่าพ่อของฝ่ายหญิงไม่ยอมและจะไปแจ้งความ จะคุยกันที่โรงพักอย่างเดียว ซึ่งจากที่นัดกันก็ได้เลื่อนมาโดยตลอดและยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

- เจ้าสาวน้ำตาร่วง อีกไม่กี่วันแต่งงาน เจ้าบ่าวขอยกเลิกบอก'ไม่มีสินสอด'

- 'การ์ตูน'เจ้าสาวเปิดใจโดนเท ซัดเจ้าบ่าวกลับมาเคลียร์หนี้1.7แสน

- 006

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

(คลิป) หลอกหลอน 'โฆษกพรรคเพื่อไทย' ไปตลอดชีวิต

'ดร.เสรี' ถาม 'รมว.สธ.'ตัดสินใจอย่างไร จะยึดความถูกต้องหรือจะยึดการรับใช้?

แคชเมียร์ระอุ! 'ปากีสถาน'ยกระดับโจมตี ยิงถล่มเสียชีวิต 1 ราย

ละเมิดสิทธิเด็ก! ‘ยูเอ็น’ประณาม‘อิสราเอล’สั่งปิดโรงเรียนในเยรูซาเล็มตะวันออก อ้าง‘ฮามาส’แฝงตัว

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved