คณะกรรมการโรคติดต่อฯ เคาะแผน‘เปิดประเทศ’ระยะ 2 ต่างชาติเข้าไทยไม่ต้องกักตัว
25 พฤศจิกายน 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 11/2564 โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กลาโหม มหาดไทย แรงงาน ศึกษาธิการ การต่างประเทศ การท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ UHOSNET โรงพยาบาลเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุข ผู้แทนสภาวิชาชีพและองค์กรอิสระ ร่วมการประชุม
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้หารือและมีมติใน 3 ประเด็นสำคัญ คือ
1) การปรับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางในการเข้าราชอาณาจักร ตามแผนการเปิดประเทศ ระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 – 31 ธันวาคม 2564 โดยจะเริ่มใช้ในวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ได้แก่ การปรับวันกักตัว ปรับวิธีการตรวจในทุกรูปแบบที่เดินทางเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะเสนอ ศบค. พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดยที่ประชุมเห็นชอบแนวทางปฏิบัติของคนต่างชาติที่เข้ามายังประเทศไทยตามนโยบายการเปิดประเทศระยะที่ 2 โดยไม่กักตัวหากมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส มีการตรวจหาเชื้อก่อนเดินทาง ซึ่งปัจจุบันมี 63 ประเทศในระบบ Test & Go ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคอย่างใกล้ชิด
2) การยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคโควิด 19 แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้บริการผ่านช่องทางe-Vaccine Passport สำหรับผู้เดินทางระหว่างประเทศ (1 – 31 ธันวาคม 2564) โดยที่ประชุมเห็นชอบยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการออกวัคซีนพาสปอร์ตอิเล็กทรอนิกส์ จากเดิมที่เก็บ 50 บาท และเพิ่มจุดการขอและออกเอกสารดังกล่าวเพิ่ม 120 แห่งทั่วประเทศ กทม.อยู่ที่ รพ.บางรัก , สถาบันบำราศนราดูร และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และอีกทั่วประเทศ
3) เห็นชอบให้กรมการแพทย์จัดทำแผนปฏิบัติการจัดหายาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) รวมทั้งความก้าวหน้าการจัดหายารักษาโรคโควิด 19 โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ซึ่งยาทั้งสองตัวเป็นยาต้านไวรัสสำหรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีโรคประจำตัวร่วม เช่น ภาวะอ้วน อายุมากกว่า 60 ปี โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง โดยผลการวิเคราะห์เบื้องต้น พบว่ายาทั้งสองชนิดนี้ ช่วยลดการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตได้มากกว่า 50% และไม่มีผู้เสียชีวิตในกลุ่มที่ได้รับยาทั้ง 2 ชนิด โดยการจัดซื้อยารักษาโรคเพิ่มเติม วันนี้ลงนามซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ แล้ว 50,000 คอร์สการรักษา จำนวน 2 ล้านเม็ด และกำลังเจรจาซื้อยาแพ็กซ์โลวิดเพิ่มเติมจำนวนเท่ากัน คือ 50,000 คอร์สการรักษา จำนวน 2 ล้านเม็ด
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเห็นชอบงดการกักตัวในกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยยังให้มีผลรับรองการฉีดวัคซีนครบตามโดส และมีการตรวจ RT-PCR ก่อนจากประเทศต้นทาง เมื่อมาถึงไทยจะปรับการตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK)
ทั้งนี้ การปรับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางในการเข้าราชอาณาจักร ตามแผนการเปิดประเทศ ระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 1-31 ธันวาคม 2564 โดยจะเริ่มใช้ในวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ซึ่งจะเสนอ ศบค.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
ส่วนอัตราการติดเชื้อในกลุ่มนักท่องเที่ยวในเฟสแรก ที่ผ่านมาอยู่ในอัตราต่ำประมาณ ร้อยละ 0.1 ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ โดยเกณฑ์การเปิดรับนักท่องเที่ยวหลังจากนี้ จะปรับแนวทางให้สามารถรับนักท่องเที่ยวได้หลายช่องทางและมีข้อจำกัดน้อยลง ส่วนของมาตรการต่างๆ ในผู้ประกอบการที่ผ่านมายอมรับว่ามีการหละหลวมบ้างแต่ยังไม่พบการระบาดเป็นวงกว้าง เป็นเกณฑ์ที่ทางระบบสาธารณสุขยังรองรับได้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี